นิวส์ คอนเน็คท์ - ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตที่ 1.5% หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เขย่าเศรษฐกิจทั่วโลก กินเวลา 6 เดือนเต็ม เผยรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้จะหายไปราว 2.78 แสนล้านบาท และหากภัยแล้งรุนแรง อาจทำให้พืชผลการเกษตรหลักสูญเสียรวมถึง 5.8 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 63 ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวของไทยปีนี้จะหายไปราว 2.78 แสนล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในกรุงเทพฯจะลดลงประมาณ 3 ล้านคน โดยรายได้ของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ จะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ด้านภาคส่งออกคาดว่าจะหดตัว 1.9%
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่หลายฝ่ายคาด เนื่องจากการแพร่ระบาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเทศจีน แต่ได้ลามไปประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆด้วย เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอิตาลี โดยขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ซึ่งหากใช้เวลา 6 เดือนเต็ม มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตเพียง 1.5%
สำหรับภาพการลงทุนของเอกชนในปี 63 มีแนวโน้มจะชะลอเพิ่มเติมเพราะราคาน้ำมันลดลงแรง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับอีกหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งภัยแล้ง เศรษฐกิจอาเซียนที่ชะลอลง สงครามการค้าที่ยังยืดเยื้อ และข้อตกลง EVFTA ของเวียดนามที่จะเพิ่มอุปสรรคต่อการส่งออกสิ่งทอไทยในตลาดยุโรป โดยเฉพาะภัยแล้งหากรุนแรง อาจทำให้พืชผลการเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย สูญเสียรวม 5.8 หมื่นล้านบาท กระทบต่อกำลังซื้อของครัวเรือนในภาคเกษตร
ดร. มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย กล่าวว่า ภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 63 ของทุกส่วนราชการ โดยการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำจะสามารถเบิกจ่ายเต็มวงเงินที่ 2.4 ล้านล้านบาท ส่วนงบลงทุนจะเบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 67% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ คาดว่าภาครัฐจะระดมมาตรการกระตุ้นการบริโภคออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศหลังโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนและประคับประคองเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้
สำหรับนโยบายการเงิน Krungthai COMPASS มองว่ามีแนวโน้มที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะผ่อนคลายเพิ่มเติม และมีโอกาสจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่ 0.75% ต่อปี ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อลดภาระการชำระหนี้ให้กับผู้ประกอบการและครัวเรือน ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในไตรมาสที่สอง แต่จะกลับมาแข็งค่าขึ้นตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุลในระดับสูงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างมาก
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews