นิวส์ คอนเน็คท์ – กรุงศรี ประเมินเงินบาทซื้อขายในกรอบ 32.75-33.30 พร้อมคาด กนง. ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุม 25 มี.ค.นี้ หลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความรุนแรงกว่าที่คาดไว้ ขณะที่การตั้งกองทุนเพื่อเข้ากอบกู้ตลาดตราสารหนี้ จะเป็นมาตรการที่เพิ่มความมั่นใจแก่นักลงทุน

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 63 นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.30 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 32.50 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 เดือนท่ามกลางการร่วงลงอย่างรุนแรงของราคาพันธบัตร

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 2.68 หมื่นล้านบาท และ 3.56 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนกังวลกับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และรีบเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางภาวะสภาพคล่องดอลลาร์ตึงตัวในวงกว้าง นอกจากนี้ ธนาคารกลางชั้นนำหลายแห่งดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อลดผลกระทบจาก COVID-19 โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ขนาด 7.5 แสนล้านยูโร ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งสู่ 0.1% และเพิ่มมาตรการซื้อคืนพันธบัตร

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่จุดต่ำสุดครั้งใหม่ที่ 0.50% ในวันที่ 25 มี.ค.หลังการประชุมนัดพิเศษวันที่ 20 มี.ค.มีมติเอกฉันท์ให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.00% เป็น 0.75% โดยกนง.ระบุว่าการระบาดของ COVID-19 ในระยะข้างหน้ารุนแรงกว่าที่เคยประเมินไว้เดิมซึ่งจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งกระทบสภาพคล่องและกลไกการทำงานของตลาดการเงินไทย

ขณะที่กรณีที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ร่วมแถลงมาตรการเสริมสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งกรุงศรีเห็นด้วยกับกลไกรองรับการเสริมสภาพคล่องที่ชัดเจน แบ่งเป็น ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนเปิดที่ถือสินทรัพย์คุณภาพดี สามารถนำหน่วยดังกล่าวมาวางเป็นหลักประกันเพื่อขอสภาพคล่องจากธปท.ได้

นอกจากนี้ จะมีการตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องวงเงิน 7 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนออกใหม่ของบริษัทที่มีคุณภาพดี แต่อาจไม่สามารถต่ออายุตราสารหนี้ที่ครบกำหนดได้ครบทั้งจำนวน ขณะที่ธปท.พร้อมเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อเนื่องเพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยคาดว่ามาตรการล่าสุดจะช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นและลดความผันผวนได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามภาวะตลาดโลกต่อไป

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews