นิวส์ คอนเน็คท์ – แบงก์ใหญ่พาเหรดลดดอกเบี้ย BBL ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภท ช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการลดต้นทุนทางการเงินรับมือโรคโควิด 19 ด้าน TMB และ ธนชาต จับมือลดดอกเบี้ยทั้ง MOR และ MRR ฝั่ง SCB ลดดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ลง 0.25% และ MRR ลง 0.125% เพิ่มเติมจากมาตรการพักชำระหนี้เงินต้น และโครงการซอฟต์โลน มีผล 24 มี.ค.นี้ กรุงศรี ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR เช่นกัน
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ประกาศปรับลดลอัตราดอกเบี้ยลง โดยนายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ MLR หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา ปรับลง 0.125% อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ MOR หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี ปรับลง 0.25% และอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ MRR หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี ปรับลง 0.125% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 63 เป็นค้นไป
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นการตอบสนองทิศทางดอกเบี้ยนโยบายและให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพในการรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสติดเชื้อโควิด -19 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเกิดการชะลอตัว ดังนั้น เพื่อแบ่งเบาภาระต้นทุนทางการเงินของลูกค้า ทั้งกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย และตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ โดยทั้ง TMB และธนาคารธนชาต ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ลง 0.25% เหลือ 6.675% และลด MRR ลง 0.12% เหลือ 7.03% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 63 เป็นต้นไป ซึ่งเชื่อมั่นว่าการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะเป็นส่วนช่วยให้คนไทย และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้
ขณะที่ นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ลง 0.25% จาก 6.745% เป็น 6.495% และอัตราดอกเบี้ย MRR ลง 0.125% จาก 6.87% เป็น 6.745% เพื่อประคองสภาพคล่องของลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้ารายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจและลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศที่ได้ประกาศไปก่อนหน้า และโครงการปล่อยกู้สินเชื่อจากภาครัฐดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ดอกเบี้ยต่ำ 2%
ทั้งนี้ ธนาคารมีความห่วงใยลูกค้าทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ยังยืดเยื้อ และแม้ว่ามาตรการเพื่อช่วยลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจและลูกค้ารายย่อยที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านั้นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วประเทศ ธนาคารยังเล็งเห็นความจำเป็นในการออกมาตรการต่อเนื่องในการบรรเทาปัญหาด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติม ด้วยเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
สำหรับในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บุคคลธรรมดา แต่มีการปรับลดเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคลลง 0.05% และเงินฝากประจำลง 0.10-0.25% โดยทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 63 เป็นต้นไป
ด้าน นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้กระจายไปในวงกว้างและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ธนาคารจึงพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าและตอบสนองทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของภาครัฐ โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทแบบมีระยะเวลา (MLR) ลง 0.12% เหลือ 6.23% ต่อปี และเงินกู้ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลง 0.25% เหลือ 6.70% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอัตราใหม่ดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews