Phones





TMBกำไรพุ่งร้อนแรง164% เดินหน้ารวมกิจการ

2020-04-20 14:48:24 334




นิวส์ คอนเน็คท์ – TMB แจ้งผลงานไตรมาส 1/63 กำไรเติบโตกว่า 2 เท่า แตะระดับ 9,862 ล้านบาท หลังรับรู้รายได้จากการรวมธุรกิจกับธนชาตเข้ามาเต็มไตรมาส ขณะที่ขั้นตอนการรวมกิจการคืบหน้าตามแผน


นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยในช่วงไตรมาส 1/63 เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งยังมีการรับรู้รายได้จากธนาคารธนชาตเข้ามาเต็มไตรมาสหลังเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นธนาคารธนชาตไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 62 ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9,862 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 91% เมื่อเทียกับไตรมาส 4/62 และเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 โดยหลังหักสำรองและภาษี ธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158% จากไตรมาสก่อน และ 164% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


ทั้งนี้ หลังการรวมธุรกิจกับธนชาต ธนาคารก็ได้เริ่มปรับโครงสร้างงบดุลใหม่ในทันที โดยในส่วนของเงินฝาก มีแผนการปรับโครงสร้างด้วยการปรับลดสัดส่วนเงินฝากประจำและแทนที่ด้วยเงินฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เงินฝาก All Free และเงินฝาก No Fixed ซึ่งในไตรมาส 1/63 ยอดเงินฝากรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ด้านสินเชื่ออยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารที่เน้นเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยที่มีหลักประกัน ซึ่งปัจจุบันกว่า 90% ของพอร์ตสินเชื่อรายย่อยเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน


นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างดังกล่าวส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ด้านงบดุล สะท้อนได้จากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยหรือ NIM ที่ปรับตัวดี ขึ้นมาอยู่ 3.12% เทียบกับ 2.69% ในไตรมาส 4/62 และ 2.89% ในไตรมาส 1/62 ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 14,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% จากไตรมาสก่อน และ 125% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว เมื่อรวมกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 4,182 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 18,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน


ในส่วนของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 8,331 ล้านบาท โดยธนาคารเริ่มรับรู้ผลประโยชน์ด้านต้นทุนเนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ทับซ้อนกันลงได้ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และค่าใช้จ่ายด้านระบบไอที เป็นต้น ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 46% เทียบกับระดับ 51%-55% ก่อนการรวมกิจการ โดยมองว่าในปีนี้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 48%-50%


ขณะที่ธนาคารตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 4,760 ล้านบาท เพื่อการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบและการบริหารหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำผ่านการ write off และการขาย โดยยอดหนี้เสียตามการจัดชั้นสินเชื่อตามมาตรฐานบัญชีแบบใหม่ TFRS 9 อยู่ที่ 44,183 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมที่ 2.76% ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 2.80% ในส่วนของเงินกองทุนยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วน CAR และ Tier I กรอบประมาณการณ์เบื้องต้นอยู่ที่ 18.8% และ 14.5% ซึ่งยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ Basel III และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ


ทั้งนี้ การรวมกิจการกับธนาคารธนชาตได้ช่วยปลดข้อจำกัดด้านขนาดของ TMB โดยปัจจุบันขนาดสินทรัพย์ เงินฝาก และสินเชื่อเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่า ดังนั้นเป้าหมายในปี 63 ของธนาคารจะเน้นเรื่องของการเพิ่มความสามารถให้การทำกำไรจากการรับรู้ผลประโยชน์ หรือ Synergy ที่เกิดขึ้นจากการรวมกิจการ รวมทั้งธนาคารจะเดินหน้าตามแผนรวมกิจการเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 64


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews