Phones





พลังงานใช้เงิน2.3หมื่นล้าน ลดค่าไฟ3เดือน

2020-04-21 16:18:15 501




นิวส์ คอนเน็คท์ – “สนธิรัตน์” เผย ครม.รับทราบ กกพ.ควักเงินลดค่าไฟ 3 เดือน ช่วยประชาชน 22 ล้านรายใช้ไฟฟ้าอย่างสบายใจช่วงทำงานที่บ้าน คาดใช้ 2.3 หมื่นล้านบาท พร้อมเล็งถกช่วยภาคธุรกิจต่อ


เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติรับทราบมาตรการลดค่าไฟฟ้าในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่ มี.ค.-พ.ค. 63 เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าในกลุ่มของไฟบ้านที่ใช้ในครัวเรือนจำนวน 22 ล้านรายที่ดำเนินการตามแนวนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยการทำงานที่บ้าน (Work From Home)


โดยมาตรการเยียวยาค่าไฟฟ้าที่ใช้ในครัวเรือนที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 63 มี 2 กลุ่ม คือ 1. มิเตอร์ไฟขนาดไม่เกิน 5 แอมป์ จะได้ใช้ฟรี 150 หน่วย หากเกินก็จะได้รับการดูแลให้ใช้ฟรีเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มนี้จะใช้ไม่เกินปริมาณ 150 หน่วยเป็นปกติ และถือว่าใช้ไฟน้อย 2. มิเตอร์ไฟขนาดเกิน 5 แอมป์ จะมีข้อกำหนด คือ หากใช้มากกว่าเดือน ก.พ. 63 แต่ไม่เกิน 800 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ. แต่หากใช้เกิน 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ. 63 บวกกับส่วนที่เกิน 800 หน่วยจะได้รับส่วนลด 50% และหากใช้เกิน 3,000 หน่วยจะได้รับส่วนลด 30% โดยการลดหย่อนดังกล่าวจะมีการคืนค่าใช้จ่ายให้ในรอบบิลถัดไป


ด้านนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า กรณีบริหารจัดการงบสำหรับเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้า 3 เดือนในกับประชาชนนั้น ต้องขอดูรายละเอียดมติ ครม.ก่อน หลังจากนั้นก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กกพ.เพื่อพิจารณาแนวทางการนำเงินมาช่วยอุดหนุนส่วนลดค่าไฟฟ้าของประชาชน ซึ่งในเบื้องต้น หากจะนำเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้ามาใช้นั้น อาจจะเป็นไปไม่ได้ เพราะสามารถใช้ได้บางกรณีเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางการใช้เงินมาอุดส่วนลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนอาจจะต้องใช้เงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งเยียวยาประชาชนตามนโยบายกระทรวงพลังงาน



>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews