Phones





BBL กำไรโค้งแรก 7.6 พันล. ลดลง 15%

2020-04-22 13:48:00 269




นิวส์ คอนเน็คท์ – BBL แจ้งงบการเงินไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิหดตัว 15% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และลดลง 4% จากไตรมาสก่อน หลังรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงถึง 22% ขณะที่เงินให้สินเชื่อยังขยายตัวได้ 2.7% ในกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศ


เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 จำนวน 7,671 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 แม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 15.3% จากไตรมาส 4/62 จากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อโดยใช้วิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารอยู่ที่ 2.52% อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิของธนาคารลดลง 22.4% ซึ่งส่วนใหญ่ลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ


สำหรับรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลงจากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากไตรมาส 4/62 ธนาคารมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุนจำนวน 14,988 ล้านบาท รวมทั้งเครื่องมือทางการเงินประเภทที่มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่กำหนดให้วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมมีมูลค่าลดลงตามสภาวะตลาดเงินและตลาดทุนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในส่วนของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 28.8% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 43.1%


ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 63 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,115,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากสิ้นปี 62 จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามประมาณการที่คาดไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.5% ขณะที่เงินสำรองของธนาคารอยู่ในระดับ 203.9% ของเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต


โดยธนาคารยังคงรักษาเงินกองทุนและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 63 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.2% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.5%, 15.7% และ15.7% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด


ทั้งนี้ ช่วงไตรมาส 1/63 เศรษฐกิจไทยหดตัวอย่างหนักจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การส่งออกและการนำเข้าสินค้าของไทยลดลงอย่างรุนแรง ขณะที่มาตรการในการควบคุมโรคของหลายประเทศ เช่น การจำกัดการเดินทาง และการปิดเมือง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงมาตรการของรัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโดยการหยุดกิจการชั่วคราวของห้างสรรพสินค้า สถานที่ให้บริการต่างๆ สถานบันเทิง และการกำหนดมาตรการเคอร์ฟิวในช่วงเวลา 22.00 - 04.00 น. ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงอย่างมาก ขณะที่ยังมีปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางเกษตรของไทยอย่างมีนัยสำคัญ


ทั้งนี้ ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะประคับประคองให้ลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนสามารถผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ โดยที่ผ่านมาธนาคารออกมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการให้มีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงาน และช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระทางการเงิน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews