Phones





กฟภ.ทุ่ม1,069ล้าน นำร่องสมาร์ทกริดพัทยา

2020-04-27 16:44:52 960




นิวส์ คอนเน็คท์ - กฟภ.ผลักดันโครงการสมาร์ทกริด บริหารจัดการไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาไฟดับ ลดความสูญเสียพลังงาน นำร่องติดตั้งเมืองพัทยา 1.2 แสนครัวเรือน กำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้


เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดเผยว่า กฟภ.ได้นำโครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือ Smart Grid มาใช้ในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถบริหารจัดการการผลิต การส่ง และการจำหน่ายพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการนำร่องทำ Smart Grid ที่เมืองพัทยา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะหรือ AMI ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่อยู่อาศัยประมาณ 120,000 ราย โดยมีมูลค่าการลงทุนราว 1,069 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 63

ทั้งนี้ จะมีการเปลี่ยนมิเตอร์ใหม่ โดย กฟภ.ได้มีการพัฒนาระบบ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ไฟได้ทราบข้อมูลการใช้ไฟฟ้าขอตนเองได้ และสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไปบริหารจัดการ วางแผนการใช้ไฟฟ้าของตนเองได้ต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ไฟอย่างมีประสิทธิภาพ มีการประหยัดค่าพลังงานได้ในอนาคต นอกจากระบบมิเตอร์อัจฉริยะแล้ว กฟภ. ยังได้ติดตั้งระบบ Smart Substation ด้วย ระบบนี้จะทำให้การจัดการระบบไฟฟ้าในพื้นที่พัทยามีความรวดเร็ว ลดระยะเวลาการดับของไฟฟ้าให้น้อยลง และยังทำให้สามารถใช้ประโยชน์ของจากสถานีไฟฟ้า สายไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยืดอายุการใช้งาน รวมทั้งชะลอการลงทุนด้านสถานีไฟฟ้า สายไฟฟ้าลงได้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อค่าไฟฟ้าที่จะไม่เพิ่มสูงขึ้นเหมือนอย่างในอดีต และแก้ปัญหาไฟฟ้าดับให้น้อยลง


ขณะเดียวกัน กฟภ. อาจจะให้เอกชนร่วมลงทุนในการติดตั้งระบบ Smart Grid ในรูปแบบ PPP ( Public Private Partnership) ซึ่งอาจจะกำหนดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนติดตั้ง ดูแล และบำรุงรักษา ระบบมิเตอร์อัจฉริยะหรือ AMI



นายเสกสรร เสริมพงศ์ รองผู้ว่าการวางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า กฟภ.กล่าวเสริมว่า การนำระบบ Smart Grid มาใช้ จะทำให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าของตัวเองได้ ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ และกรณีเกิดไฟฟ้าดับ กฟภ. จะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้กฟภ.ลดจำนวนหน่วยสูญเสีย แก้ปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็วขึ้น เช่น พื้นที่ไหนรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า กฟภ.ก็ตัดไฟในพื้นที่ที่มีปัญหาออก และก็ใช้วงจรข้างเคียงมาจ่ายไฟแทนแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีการใช้งานได้เต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ ประเทศก็สามารถวางแผนกำลังการผลิตไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ สามารถลดโรงไฟฟ้าประเภท Peaking Plant ทำให้สามารถ สร้างสมดุลระหว่างการผลิตและการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในอนาคตหากมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EA มากขึ้นระบบ Smart Grid ซึ่งมี Smart Meter จะช่วยให้การชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ในจำนวนมากๆ ได้อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งระบบบริหารจัดการการชาร์จ และจัดระยะเวลาการชาร์จให้เหมาะสม โดยไม่กระทบกับความจำเป็นในการใช้งานของผู้ใช้ไฟฟ้า


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews