Phones





SCB จัดทัพรับมือลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้

2020-05-26 17:33:11 3547




นิวส์ คอนเน็คท์ – SCB จัดทัพพนักงานสาขา รองรับการให้คำปรึกษาการปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมเร่งพัฒนาระบบให้ลูกค้าสามารถติดต่อพักชำระหนี้ได้ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ขณะที่สาขาในห้างสรรพสินค้าที่กลับมาเปิดให้บริการเดือนพฤษภาคม มีลูกค้ากลับมาใช้บริการในสัดส่วนที่ใกล้เคียงก่อนช่วงโควิด-19


เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 นายวิฑูรย์ พรสกุลวานิช รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจ Integrated Channels ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มทยอยเข้าสู่ช่วงสภาวะปกติ รวมถึงสาขาของธนาคารที่ได้กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 63 ที่ผ่านมา และคาดว่าในระยะถัดไป ลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก จะใช้บริการสาขาในเรื่องการขอคำปรึกษาการวางแผนทางการเงิน ตลอดจนการขอรับคำปรึกษาการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ ธนาคารได้เตรียมความพร้อมบุคลากรสาขาที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา รวมถึงได้พัฒนาระบบให้ลูกค้าสามารถติดต่อพักชำระหนี้ได้เองผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่ปัจจุบันธนาคารมีสาขาทั่วประเทศจำนวน 908 แห่งพร้อมเปิดให้บริการ แบ่งเป็นสาขาที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า (Stand Alone) 586 สาขา และสาขาในห้างสรรพสินค้า (In-Mall) 322 สาขา โดยพบว่าภาพรวมของธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย


สำหรับธุรกรรมการเงินทั่วไปนั้น พนักงานสาขาของธนาคารได้ให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องพร้อมให้คำแนะนำในเรื่องการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง SCB Easy ซึ่งลูกค้าสามารถทำรายการต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองทุกที่ทุกเวลาโดยที่ไม่ต้องเดินทางมาสาขา อาทิ การโอนเงิน การชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งมีความสะดวกรวดเร็ว และไม่เสียค่าธรรมเนียม สำหรับลูกค้าใหม่ยังสามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้ที่ 7-Eleven ซึ่งสามารถใช้บริการฝากถอนเงินได้เช่นกัน


ขณะที่ในช่วงเดือนพฤษภาคมพบว่า ลูกค้าเริ่มกลับมาใช้บริการสาขาในห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงก่อนการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 สัดส่วนของลูกค้าที่มาใช้บริการสาขาในห้างสรรพสินค้าอยู่ที่ 60% และสาขา Stand Alone 40% ขณะที่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน ลูกค้าบางส่วนเปลี่ยนไปใช้บริการสาขาในกลุ่ม Stand Alone มากขึ้น


อย่างไรก็ตาม จากการที่ลูกค้าหันมาใช้บริการธุรกรรมการเงินผ่านดิจิทัลแบงก์กิ้ง มากขึ้น ประกอบกับมาตรการระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) มีผลทำให้จำนวนปริมาณธุรกรรมของสาขาโดยรวมยังคงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หรือก่อนที่มีการประกาศล็อกดาวน์ ขณะที่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสาขาของธนาคาร พบว่า อันดับหนึ่ง ยังคงเป็นการฝากเงิน รองลงมาคือ การชำระบิล (Bill Payment) และอันดับสามคือ การอัพเดทสมุดบัญชีเงินฝาก


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews