Phones





ด่วน!พลังงานพับโครงการFSRUมูลค่า2.45หมื่นล.

2020-05-29 19:53:56 943




นิวส์ คอนเน็คท์ – ก.พลังงาน สั่ง กฟผ.พับแผนโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (FSRU) ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน มูลค่า 24,500 ล้านบาท หลังลงนามร่วมมือกับ ปตท. ลงทุนโครง LNG Receiving Facilities ในพื้นที่ภาคใต้แล้ว


เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน ได้สั่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) "ยกเลิก" แผนลงทุนโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (Floating Storage and Regasification Unit หรือ FSRU) ขนาด 5 ล้านตันต่อปี ในฟื้นที่อ่าวไทยตอนบน เพื่อนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จัดส่งให้กับโรงไฟฟ้าพระนครใต้ มูลค่าโครงการ 24,500 ล้านบาท

โดยมองว่า "ไม่มีความจำเป็น" ที่ กฟผ.จะดำเนินการอีกต่อไป เนื่องจาก กฟผ.บรรลุข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ในสัญญา Global DCQ เพื่อให้ ปตท.เป็นผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติป้อนโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ในระยะ 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563 เป็นต้นไป

“เดิมโครงการ FSRU ที่ กฟผ.ศึกษาไว้นั้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อปี 2559 ที่ได้มีการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment หรือ EIA) รวมทั้งจัดงานด้านมวลชนสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์ ชี้แจงรายละเอียดแก่หน่วยงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และการกำหนดจัดรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนจัดเตรียมเอกสาร (Terms of Reference : TOR) เอาไว้พร้อมแล้ว และมีความพร้อมที่จะเริ่มลงทุนได้ภายในปี 2563 นี้ ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี”


อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานยังคงให้ดำเนินการลงทุนโครง LNG Receiving Facilities ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อรองรับการนำเข้า LNG ส่งป้อนให้กับโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 – 2 กำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ (จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ หรือ Commercial Operation Date : COD ในปี 2570 และ 2572) และโรงไฟฟ้าใหม่ (COD ในปี 2578) กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์แทน โดยเป็นการร่วมมือกับ ปตท. ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้มีการลงนามข้อตกลงร่วมกันไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 ที่ผ่านมา


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews