นิวส์ คอนเน็คท์ – KBANK ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Lombard Odier ประเมินทิศทางเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ช้าแม้การระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มองเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว ลักษณะ Nike-shaped พร้อมจับตาปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง และปัญหากีดกันการค้า

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ดร.แซมมี่ ชาร์ Chief Economist จาก Lombard Odier เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เริ่มบางเบาลงในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรปที่ควบคุมได้ดี โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยหนุนต่อการทยอยเปิดเมือง และกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวในแต่ละประเทศอาจไม่เท่ากัน แต่ถือว่าสภาวะที่แย่ที่สุดได้ผ่านไปแล้ว

ทั้งนี้ ความสามารถในการควบคุมโรคโควิด 19 ที่เกิดขึ้นในรอบแรก รวมทั้งความพร้อมของเครื่องมือและมาตรการ เช่น การทดสอบและติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ การรักษา ความสามารถของโรงพยาบาลและบุคคลากรทางการแพทย์ในการรองรับผู้ป่วย รวมถึงการเว้นระยะห่างทางกายภาพและการป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย จะช่วยให้สามารถจัดการสถานการณ์ได้ดีและไม่ได้รับผลกระทบหนักจนต้องกลับไปปิดเมืองอีกครั้งหากเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้กลับไปจุดเดิมยังต้องใช้เวลา แม้จะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการเงินและการคลังที่มากเป็นประวัติการณ์ คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ในลักษณะ Nike-shaped คือเป็น V-shaped ในช่วงแรกของการเปิดเมือง และค่อยๆฟื้นตัวในอัตราที่น้อยลงในช่วงท้าย โดยเศรษฐกิจในระยะยาวจะเติบโตช้า ดอกเบี้ยต่ำจนถึงติดลบ เงินเฟ้อต่ำ หนี้สินสูง และเกิดความไม่เท่าเทียมกันอย่างมีนัยสำคัญทางสังคมและเศรษฐกิจ ขณะที่ความเสี่ยงของการคาดการณ์นี้คือ ควบคุมการระบาดรอบ 2 ได้ไม่ดี การกีดกันทางการค้า และการถอนนโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจเร็วกว่ากำหนด ไม่ว่าจะเป็นการลดการซื้อสินทรัพย์ ขึ้นดอกเบี้ย หรือการรัดเข็มขัดงบประมาณรัฐบาล

ด้านนางสาว ศิริพร สุวรรณการ Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า จากความสามารถในการควบคุมโรคโควิด 19 รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป หุ้น และหุ้นกู้คุณภาพดี ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ กว่าเงินฝากหรือตราสารการเงินระยะสั้น เพราะดอกเบี้ยต่ำ เมื่อเศรษฐกิจโตอย่างช้าๆ ดังนั้น ไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะลงทุนได้ การบริหารเชิงรุกมีบทบาทสำคัญในการค้นหาและคัดเลือกหุ้นของผู้ชนะ

โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเละดิจิตอล, ธุรกิจที่เกี่ยวข้องผู้สูงวัยและชนชั้นกลางที่มีรายได้สูง, ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง และจะเป็นขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจในอนาคต และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ลดโลกร้อน และพลังงานแห่งอนาคต เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การเติบโตในช่วงท้ายๆ จะช้าลงและตลาดการเงินจะผันผวนสูง บวกกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และข้อพิพาททางการค้า ตลอดจนความไม่แน่นอนในการเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งสหรัฐฯ จากวันนี้จนถึงปลายปี ดังนั้น พอร์ตของนักลงทุนควรมีสินทรัพย์ที่ช่วยพยุงมูลค่าเงินลงทุน เช่น พันธบัตรรัฐบาล และทองคำ เป็นต้น

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews