Phones





EXIM BANK จำแนก 5 กลุ่มธุรกิจรับพิษโควิด-19

2020-07-07 16:40:16 269




นิวส์ คอนเน็คท์ - เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ระบุว่า ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มหดตัวสูงสุดในรอบหลายทศวรรรษ แม้ล่าสุดสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะสามารถควบคุมได้ดีจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคเริ่มมีสัญญาณกระเตื้องขึ้น


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในหลายประเทศทั่วโลกที่ยังวิกฤตจากจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันที่ทำสถิติสูงสุด ส่งผลให้อุปสงค์จากต่างประเทศที่เคยเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะอ่อนแรงลงต่อเนื่อง สะท้อนได้จากมูลค่าส่งออกล่าสุดในเดือนพ.ค. 63 ที่หดตัวถึง 22.5% ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ผลักดันให้การส่งออก 5 เดือนแรกของปี 63 หดตัว 3.7% โดยหากมองในแง่ดีอาจกล่าวได้ว่าวิกฤตโควิด-19 ได้เข้ามาเป็นบททดสอบภูมิต้านทานการส่งออกของไทย ว่าจะสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนหรือวิกฤตอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้มากน้อยเพียงใด


ทั้งนี้ หากพิจารณาจากตัวเลขส่งออกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และช่วง 5 เดือนแรกปี 63 ที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก สามารถแบ่งกลุ่มสินค้าส่งออกของไทยได้ “5 กลุ่มอาการ” ดังนี้ “กลุ่มแข็งแรง มีภูมิต้านทานสูง” คือกลุ่มสินค้าที่การส่งออกขยายตัวได้ดีต่อเนื่องทั้งในช่วงก่อนและระหว่างโควิด-19 ระบาด พบว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและอาหารที่ผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญ และเป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพ รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมหลายชนิดก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเพื่อตอบสนองกระแส Social Distancing และกระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเด็นในเชิงนโยบายจึงอยู่ที่การสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้าง Branding ให้สินค้าไทยกลุ่มนี้กลายเป็นสินค้าในใจของผู้บริโภคทั่วโลกที่เน้นคุณภาพมากกว่าราคา


“กลุ่มฟื้นตัวชั่วขณะ” คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกเริ่มชะลอตัวในช่วงก่อนหน้าแต่กลับได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น แนวทางในการเสริมแกร่งของสินค้ากลุ่มนี้ในระยะถัดไปอาจเป็นการหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการแตกไลน์การผลิตสินค้าให้มีความหลากหลายขึ้น ถัดมาคือ “กลุ่มติดเชื้อ” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของมูลค่าส่งออกรวมที่ได้รับผลกระทบจากราคาและอุปสงค์ของภาคการผลิตและภาคการขนส่งที่ลดลงจากมาตรการ Lockdown และ Social Distancing


“กลุ่มภาวะแทรกซ้อน” คือ กลุ่มสินค้าที่มูลค่าส่งออกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาขยายตัวค่อนข้างต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้างและกระแส Disruption ในหลายมิติ และถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้าเกษตรที่ส่วนใหญ่ส่งออกในลักษณะสินค้าขั้นต้นและต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง สินค้ากลุ่มนี้อาจถึงเวลาที่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตครั้งใหญ่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือบางอุตสาหกรรมก็อาจจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ และเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกลับมายังประเทศไทย


กลุ่มสุดท้ายคือ “กลุ่มอาการวิกฤต” คือ กลุ่มสินค้าที่มูลค่าส่งออกหดตัวตลอด 3 ปีที่ผ่านมาและหดตัวต่อเนื่องในช่วงโควิด-19 พบว่าสินค้ากลุ่มนี้กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างและมูลค่าเพิ่มต่ำ รวมทั้งถูกซ้ำเติมจากกระแส Technological Disruption อุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับตัวให้สอดคล้องกับ Megatrends


อย่างไรก็ตาม แม้สินค้าส่งออกของไทยหลายกลุ่มอาการข้างต้นหดตัวลงจากผลกระทบของโควิด-19 แต่ในภาพรวมแล้วการส่งออกของไทยยังหดตัวน้อยกว่าคู่แข่งหลายประเทศที่อาจมีความหลากหลายของสินค้าส่งออกน้อยกว่าไทย โดยการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 63 ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสูง EXIM BANK ได้เตรียมเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ส่งออกสินค้าในแต่ละกลุ่มอาการข้างต้น ทั้งมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูสำหรับสินค้าที่ได้รับผลกระทบระยะสั้นจากโควิด-19 รวมถึงมาตรการเสริมความแข็งแกร่งและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างเพื่อความอยู่รอด


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews