Phones





กกพ.ปรับลดค่าเอฟทีส่งผลค่าไฟฟ้าก.ย.-ธ.ค.64ลดเหลือ3.63บาท/หน่วย

2020-07-16 14:12:56 516




นิวส์ คอนเน็คท์ - กกพ.ปรับลดค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.63 ลบ 12.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.63 บาทต่อหน่วย หลังราคาเชื้อเพลิงลดลง ใช้เงินชดเชย 3,002 ล้านบาท มองเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนจนถึงสิ้นปี คาดความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงตามจีดีพี


เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2563 ลงอีก 0.83 สตางค์ต่อหน่วย หรือเรียกเก็บค่าเอฟที -12.43 สตางค์ต่อหน่วย ที่สะท้อนต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่แท้จริง ซึ่งลดลงจากเดิมเรียกเก็บที่ -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.63 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยค่าเอฟทีในงวดนี้ใช้เงินชดเชยกว่า 3,002 ล้านบาท

โดยสาเหตุหลักของการปรับลดค่าเอฟทีงวดนี้ เนื่องมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงก่อนหน้านี้ และมีผลในงวดปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม กกพ. ยังคงต้องประเมินปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลในทางลบ และเป็นภาระต่อการประมาณการค่าเอฟทีในงวดถัดไปด้วย


อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาวะราคาเชื้อเพลิงจะลดลง เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 และทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลดลงก็ตาม แต่ กกพ. ยังคงมีความเป็นห่วงเรื่องปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น ซึ่งยังคงเป็นแรงกดดันให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นได้ โดยในเบื้องต้น กกพ.ประเมินปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะติดลบ 6.58% ตามทิศทางของตัวเลขจีดีพี ของประเทศไทยที่คาดการณ์ว่าจะติดลบ 8.1%


ทั้งนี้หากการคำนวณค่าเอฟทีในงวดต่อไป (ม.ค.-เม.ย.64) หากต้องมีการใช้เงินชดเชยค่าเอฟทีอีกก็ต้องใช้เงินบริหารเสถียรภาพค่าไฟฟ้าของปี 63-64 เนื่องจากเงินบริหารเสถียรภาพค่าไฟฟ้าที่ใช้ชดเชยค่าเอฟทีในปัจจุบันเป็นของปี 57-62 นั้นหมดแล้ว


 


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews