Phones





สนพ. มั่นใจครม.ไฟเขียวแผนพลังงานแห่งชาติปีนี้

2020-08-18 15:00:12 342




นิวส์ คอนเน็คท์ - สนพ.มั่นใจปีนี้ ครม.อนุมัติแผนพลังงานแห่งชาติ ไฟเขียวโรงไฟฟ้าชุมชน คาดเปิดรับซื้อไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 75 เมกะวัตต์ เร่ง COD ปี 65 ให้ FiT สูงจูงใจเอกชน ปิดจุดอ่อนใช้เกณฑ์ประเมินศักยภาพแทนประมูล


เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สนพ. ได้จัดเตรียมแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ 2561-2580 revision 1 เสร็จเรียบร้อย และอยู่ระหว่างนำเสนอในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพื่อนำไปปฏิบัติทันที่ ซึ่งในแผนพัฒนาฯนี้ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการในรูปแบบ Quick Win 100 เมกะวัตต์ และแบบปกติ 600 เมกะวัตต์

นอกจากนั้น แผนพัฒนาพลังงานทดแทนได้ระบุถึงแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 75 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นการรวมโครงการเดิมที่ค้างท่ออยู่ประมาณ 44 เมกะวัตต์กับโครงการใหม่ประมาณ 21 เมกะวัตต์ โดยตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ กำหนดให้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในปี 2565 จึงคาดว่าจะต้องคัดเลือกผู้พัฒนาโครงการภายในปีนี้ จะสามารถสร้างโรงไฟฟ้าให้เสร็จสมบูรณ์ และสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ภายในปี 2565


สำหรับการคัดเลือกโครงการโรงไฟฟ้ากากอุตสาหกรรมนั้น มีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกัน คือ จะพิจารณาจากศักยภาพของผู้เสนอโครงการว่ามีปริมาณเชื้อเพลิงกากอุตสาหกรรมเพียงพอหรือไม่ แหล่งที่มาของเชื้อเพลิงจากที่ใด มีความมั่นคงทางเชื้อเพลิงหรือไม่ ตลอดจนประสบการณ์ในการพัฒนาโรงไฟฟ้า ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน เนื่องจากโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านขยะ ซึ่งเป็นปัญหาหลักด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ไปพร้อมกับการผลิตไฟฟ้า ตามนโยบาย Waste-to-Energy หรือการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน จึงทำให้โครงการนี้มีอัตราการรับซื้อไฟฟ้าสูงถึงประมาณ 6.83 บาทต่อหน่วยเพื่อจูงใจให้เอกชนที่มีความพร้อมมาร่วมกันกับภาครัฐในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม


ปัจจุบัน มีบริษัทฯ ที่มีความพร้อมครบทุกด้านเพียงไม่กี่ราย ทำให้มีโครงการค้างท่อจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ถึง 44 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อช่วยเศรษฐกิจฐานราก ช่วยให้เกษตรกร และ ชุมชนทั่วประเทศมีรายได้ และมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าโดยการเข้าถือหุ้นในโรงไฟฟ้า ในขณะที่ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนในการพัฒนาเป็นหลัก โดยเชื่อมั่นว่าปีนี้จะประมูลโครงการ Quick Win ได้ตามเป้าหมาย


นายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม และ กนอ. ได้เสนอแนวทาง การเปลี่ยนขยะอุตสาหกรรมเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy) เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน และ สนพ. เพื่อขอรับการสนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก ด้วยเชื้อเพลิงจากกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายในรูปแบบของเชื้อเพลิงอัดก้อน Refuse Derived Fuel (RDF) ในเฟสแรกจำนวน 500 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้ปริมาณกากอุตสาหกรรมประมาณ 5 ล้านตันต่อปี ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน สมควรจะบรรจุลงในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP) เพิ่มเติม ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยแก้ปัญหาขยะอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐบาล และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และคาดว่าจะมีปริมาณกากอุตสาหกรรมมากถึง 25-28 ล้านตันต่อปีในปี 2565 เพิ่มจาก 22 ล้านตันต่อปีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมได้ถึง 2,000 เมกะวัตต์


สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้นจะต้องสร้างในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการควบคุมดูแลการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันปริมาณขยะในประเทศไทยโดยรวมเฉลี่ยปริมาณขยะทั้งหมด 49.8 ล้านตันต่อปี แบ่งเป็นขยะชุมชน 27.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรม 22 ล้านตันต่อปี เป็นขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย 20.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรมอันตราย 1.2 ล้านตันต่อปี


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews