Phones





KBANK ชี้โอกาสลงทุนClimate changeสร้างยิลด์สูง

2020-08-26 17:44:00 316




นิวส์ คอนเน็คท์ - KBANK หวังประคอง AUM ปี 63 อยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 7.5 แสนล้านบาท รับแรงกดดันจากนักลงทุนมีการโยกย้ายเงินลงทุนหลังกังวลความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลของไรวัรสโควิด-19 พร้อมประเมินเทรนด์ลงทุนโลกช่วง 10 ปีข้างหน้า จะขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  


นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจ Private Banking ของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรก มีความผันผวนค่อนข้างมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้ามีการเปลี่ยนประเภทการลงทุนเพื่อสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตตนเอง จึงคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการลงทุน (AUM) ของธนาคารในปี 63 จะทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 750,000 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่การปฏิวัติเพื่อความยั่งยืน และเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบที่สามารถสร้างความเติบโต โดยไม่ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้กับโลก ส่งผลให้เทรนด์ความยั่งยืนถือเป็นโอกาสสำคัญของนักลงทุนในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว และหนึ่งในมิติด้านความยั่งยืนของการลงทุน คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Transition) ซึ่งเป้าหมายร่วมของโลกในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50% ภายในปี 73 จึงเป็นโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีเงินเข้ากองทุน Climate change กว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


ขณะที่ KBank Private Banking ได้นำเสนอกองทุนภายใต้ธีมความยั่งยืนแก่ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น K-HIT ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างผลตอบแทนไปแล้ว 15% มีมูลค่ากองประมาณ 1,000 ล้านบาท และ K-CHANGE สร้างผลตอบแทนแล้ว 49% มีมูลค่ากองประมาณ 2,700 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด ได้นำเสนอกองทุน K Climate Transition เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ LO Funds - Climate Transition, (USD), I Class A(กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนที่คำนึงถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกองทุนแรก และหนึ่งเดียวของไทย โดยจะเปิดขาย IPO ครั้งแรกในช่วงวันที่ 1-15 ก.ย.นี้


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews