Phones





“ปลัดพลังงาน”ยันปตท.สผ.เข้าพื้นที่เอราวัณไม่สะดุด

2020-09-14 14:18:00 281




นิวส์ คอนเน็คท์ – “ปลัดพลังงาน” ยันปตท.ผส.เข้าพื้นที่แหล่งปิโตรเลียมการ เอราวัณ การเปลี่ยนถ่ายไม่สุดด ขณะที่งบกองทุนอนุรักษ์ฯ ปี 64 เร่งจัดทำหลักเกณฑ์ให้เสร็จภายใน ก.ย.นี้ คาดเริ่มดำเนินการจ้างงานได้ ม.ค.64 ยันเน้นจ้างงาน 10,000 ล้านบาท และพัฒนาวิจัยด้านพลังงาน


เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน “ตลาดนัดพลังงานร่วมใจ” ว่า การเจรจาระหว่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP กับ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในการเข้าพื้นที่แปลง G1/61 ของแหล่งเอราวัณนั้นตนยืนยันว่าการเปลี่ยนถ่ายจะไม่สะดุดอย่างแน่นอนถึงแม้ในปัจจุบันจะยังไม่ได้ข้อสรุปในการเข้าพื้นที่ก็ตาม


อย่างไรก็ตามในเบื้อต้นทางกระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วเพื่อขบวนการส่งมอบเป็นไปตามแผน แต่หากการส่งมอบล่าช้า กระทรวงพลังงานก็มีแผนรับมือไว้แล้วเพื่อให้การผลิตก๊าซธรรมชาติไม่สะดุดและก๊าซธรรมชาติรองรับไว้เพียงพอต่อการใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ตามกำหนดแผนนั้น ปตท.สผ.จะต้องเข้าพื้นที่ เพื่อที่เข้าไปเตรียมแผนงาน ในการผลิตเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในปี 65


ส่วนการงบกองทุนอนุรักษ์กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 64 จะเร่งดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 63 แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อพิจารณาอนุมัติหลักเกณฑ์ต่อไป เพื่อให้สามาราถเริ่มใช้งบประมาณได้ในเดือน ม.ค. 64


ทั้งนี้งบกองทุนอนุรักษ์กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 64 ส่วนหนึ่งจะเน้นการจ้างงานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ทั่วประเทศวงเงินรวมราว 10,000 ล้านบาท และการส่งเสริมพัฒนาสินค้าภายใต้โครงการสร้างมาตรฐานการตรวจวัดและรับรองคุณภาพการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชนท้องถิ่นช่วยสร้างความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้


โดยกระทรวงพลังงานจะช่วยสนับสนุนเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสร้างมาตรฐานการตรวจวัดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรภายในชุมชนต่างๆ พร้อมจัดทำเกณฑ์การมอบตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงานมอบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้าน หรือ กลุ่มชุมชนอื่นๆที่สามารถลดการใช้พลังงานในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ลงได้ ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน โดยการนำเทคโนโลยีพลังงานมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตและแปรรูป


พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างศักยภาพการแข่งขัน ช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชนต่างๆ ให้ดีขึ้น พร้อมยังจะช่วยหาช่องทางการจำหน่ายให้กับผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน เช่น การเข้าไปวางจำหน่ายในโครงการ “ไทยเด็ด” ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station


นอกจากนี้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ส่วนหนึ่งจะช่วยสนับสนุนด้านงานวิจัยของสถาบันศึกษา โดยวันนี้จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการกำหนดรอบทิศทางและการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานระหว่าง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews