Phones





"พลังงาน"จับมือ"อว."วิจัยนวัตกรรมด้านพลังงาน

2020-09-15 08:47:41 324




นิวส์ คอนเน็คท์ - กระทรวงพลังงาน จับมือ กระทรวง อว. กำหนดทิศทางการวิจัยและพัฒนาหนุนใช้เทคโนโลยี ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาต่างประเทศสร้างความมั่นคงของประเทศ¬อย่างยั่งยืน สร้างโอกาสการลงทุนในประเทศ 


เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการกำหนดกรอบทิศทางและการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะมีส่วนช่วยกำหนดกรอบนโยบายและทิศทางงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงานที่ชัดเจน สอดคล้องนโยบายพลังงานของชาติตามแผนบูรณาการพลังงานระยาว 20 ปี รวม 5 แผน ได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ แผนอนุรักษ์พลังงาน แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง และแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน


ทั้งนี้ ภายหลังจากลงนามแล้วทั้ง 2 กระทรวงจะดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมของทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาเพื่อศึกษาใน 5 แผนงานแล้วกำหนดรายละเดียดและกรอบวิจัยร่วมกัน โดยในภารกิจระยะสั้นก็ต้องเร่งดำเนินการศึกษาวิจัยในการแก้ไขปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ซึ่งช่วงปลายปีกับต้นปีคาดว่าจะเริ่มมีปัญหาอีกจึงต้องเร่งดำเนินการหาแนวทางแก้ไขปัญหา เช่น การแก้ไขการเผาป่า แนวทางการลดมลภาวะจากยานยนต์ รวมถึงความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชุมชน นวัตกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตร พัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่การกักเก็บพลังงาน ความร่วมมือเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ ซึ่งภายหลังจากการร่วมมือกันวิจัยพัฒนาก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มโอกาสในการลงทุนต่อไป


ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. กล่าวว่า กระทรวง อว. มีนโยบายและให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านพลังงานและสร้างความเป็นเลิศในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงาน พร้อมทั้งเชื่อมโยงงานวิจัยและพัฒนากับกระทรวงพลังงานและภาคส่วนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนแผนพลังงานไปสู่การใช้งานจริง สำหรับ การลงนามความร่วมมือในวันนี้ เพื่อกำหนดกรอบนโยบายและทิศทางงานวิจัยและพัฒนา ด้านเทคโนโลยีพลังงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกรอบนโยบายพลังงานของชาติ โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากชีวมวลต่าง ๆ ระบบกักเก็บพลังงาน การจัดการพลังงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการขับเคลื่อนวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงาน และนำผลงานวิจัยและพัฒนาไปใช้ประโยชน์


ขณะที่ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะมีส่วนช่วยกำหนดกรอบนโยบายและทิศทางงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงานที่ชัดเจน สอดคล้องนโยบายพลังงานของชาติตามแผนบูรณาการพลังงานระยาว 20 ปี


โดยกลไกการดำเนินงานร่วมกันนี้จะช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน สอดรับกับแนวทางของกระทรวงพลังงานในการเตรียมพร้อมรับมือในยุคดิจิทัล 4D+1E คือ 1.DIGITALIZATION เช่น การพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการพลังงานแบบอัจฉริยะ 2.DECARBONIZATION การลดคาร์บอน ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนที่มีปล่อยคาร์บอนน้อยลง 3.DECENTRALIZATION การพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ รองรับการกระจายศูนย์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ 4.DE-REGULATION การผ่อนปรนกฎระเบียบ การเปิด Sandbox ให้เกิดการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมด้านพลังงาน ส่งเสริมให้เกิด Start Up ด้านพลังงาน และ 5.ELECTRIFICATION เช่น การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า


รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า การร่วมมือกับกระทรวงพลังงานในครั้งนี้จะเป็นการขยายผลในวงกว้างเพื่อสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงานของประเทศไทย ให้มีการกำหนดโจทย์ที่เหมาะสม ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประเทศ และมีศักยภาพนำไปใช้ประโยชน์จริงให้กับทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ยังพัฒนาการดำเนินงานด้านวิชาการ สนับสนุนทรัพยากร และพัฒนาระบบข้อมูลด้านการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีพลังงานที่มีความทันสมัย ทั้งนี้เพื่อเพื่อลดการพึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แก้ปัญหาในอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ สร้างความมั่นคงให้กับประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews