Phones





กบง.เห็นชอบตรึงราคาขายปลีกLPGอีก3เดือน

2020-09-21 17:15:37 323




นิวส์ คอนเน็คท์ - กบง. เห็นชอบตรึงคงราคาขายปลีก LPG ออกไปอีก 3 เดือนเริ่ม 1 ต.ค.- 31 ธ.ค. 63 ขยายกำหนดวัน SCOD โครงการ SPP Hybrid Firm ต่ออีกถึงปี 65 พร้อมมอบหมายกกพ.ทบทวนความต้องการรายได้ของกฟผ. รวมทั้งหลักเกณฑ์ทางการเงินให้มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม


เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังจากเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง. เห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีก LPG ออกไปอีก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 63 ให้ราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 14.3758 บาทต่อกิโลกรัม หรือราคาขายปลีกอยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม โดยใช้กองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของ LPG มาบริหารรายจ่ายประมาณ 450 ล้านบาทต่อเดือนซึ่งเป็นไปตามกรอบวงเงินที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท


พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการส่งออก LPG โดยให้ยกเลิกมติเดิมที่กำหนดให้ รมว.พลังงานเป็นผู้อนุญาตการส่งออก และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เป็นผู้อนุญาตการส่งออก LPG เป็นรายเที่ยว สำหรับการส่งออกจากปริมาณที่ผลิตได้ในประเทศจะพิจารณาอนุญาตเฉพาะผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่เป็นผู้ผลิต LPG และให้ส่งออกได้ในปริมาณไม่เกินกว่าส่วนที่เกินจากความต้องการใช้ภายในประเทศ และให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) พิจารณามาตรการ LPG จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติเพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ หากเกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และแจ้งให้ ธพ. ทราบ


ส่วนเรื่องการช่วยเหลือราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ( NGV) นั้นกบง.ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการกำกับพลังงาน (กกพ.) ทบทวนต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติในโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซ NGV ให้มีความเหมาะสมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิมที่จะทบทวนให้อิงราคาดีเซลเป็นหลัก


นอกจากนี้ยังได้มอบให้ กกพ.ไปดำเนินการทบทวนความต้องการรายได้ของการไฟฟ้า ทบทวนหลักเกณฑ์ทางการเงินให้มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปบริหารจัดการปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และให้ กกพ. ร่วมกับ กฟผ. จัดทำแผนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า รวมทั้งติดตามกำกับดูแลการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ. โดยกลับมานำเสนอให้โดยเร็วที่สุด


ทั้งนี้ยังเห็นชอบตามข้อเสนอเชิงนโยบายตามข้อเสนอของ กกพ. เพื่อเยียวยาผู้ได้รับการคัดเลือกโครงการ SPP Hybrid Firm ในการขยายกำหนดวัน SCOD โครงการ SPP Hybrid Firm ออกไป 1 ปี จากเดิมปี 64 เป็นปี 65 เนื่องจากปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาโครงการฯ ที่ไม่สามารถจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) ได้ตามระยะเวลา โดยต้องไปดำเนินการแจ้งผู้ได้รับการคัดเลือก ให้จัดทำรายงานแผนการดำเนินการโครงการฯ และจัดส่งให้ กกพ. ภายในวันที่ 30 ต.ค. 63 เพื่อพิจารณา และนำผลการพิจารณา มารายงานต่อ กบง. ต่อไป


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews