Phones





กฟผ.ลุยธุรกิจEVวางเป้าพัฒนาเชิงพาณิชย์ปี64

2020-09-22 15:50:09 466




นิวส์ คอนเน็คท์ – กฟผ.ลุ้นคนร.อนุมัติตั้งบริษัทอีแกท อินโนเวชั่นฯ ภายในปีนี้ วางเป้าลุยเชิงพาณิชย์ธุรกิจ EV ปี 64 เบื้องต้นเริ่มทดลองใช้วินอีวี-เรือไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าหนุนเทรนด์ขนส่งสาธารณะแห่งอนาคต หวังปักหมุดให้บริการถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับขนสาธารณะ


เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “E Trans E” (Electric Transportation of EGAT) นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของ กฟผ. ว่า การส่งเสริมธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่าง แบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน สถานีอัดประจุไฟฟ้าสําหรับรถยนต์ นั้นในขณะนี้มีคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติคอยติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นไปตามแผนงาน


ส่วนการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้านั้นอยู่ระหว่างที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ร่วมกันศึกษาโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า และการจัดการที่เหมาะสมสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า โดยจะต้องมีการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ขนสาธารณะไฟฟ้าขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการกำหนดค่าไฟฟ้าให้ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของรถไฟฟ้า รถยนต์ EV ในอนาคตก็ต้องนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการพยากรณ์ไฟฟ้าในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) ด้วย


พร้อมกันนี้ในอนาคต กฟผ.ยังมีแผนที่จะยกระดับเป็นผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับการขนส่งสาธารณะ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าในอู่รถเมล์ของขสทก. และอาจจะร่วมมื่อกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ส่วนการจัดตั้งบริษัท อีแกท อินโนเวชั่น โฮลดิ้งส์ คัมปานีส์ จำกัด โดย กฟผ.มีสัดส่วนถือหุ้น 40% บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) 30% และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 30% เพื่อดำเนินธุรกิจยานยนต์ EV และการซื้อขายไฟฟ้านั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)

ด้านนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ช่วยลดปัญหาการปล่อยมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 จากภาคการขนส่ง โดยในปีนี้ กฟผ. มีเป้าหมายนำร่องวินมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าในพื้นที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน 51 คัน


โดยเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ความเร็วสูงสุดมากกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีการติดตั้งระบบ GPS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร โดยผู้ขับขี่สามารถสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองได้ที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง จ.นนทบุรี ทั้งนี้กฟผ.อยู่ระหว่างเตรียมยื่นจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือน พ.ย.63



ทั้งนี้โครงการพัฒนารถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า 51 คันพร้อมด้วยระบบแบตเตอรี่ ระบบชาร์จ ระบบมิติเตอร์ นั้นใช้วงงเงินรวมราว 20 ล้านบาท ซึ่งรถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าที่จะนำมาทดลองวิ่งให้บริการนั้นจะใช้ระยะเวลาในการทดลอง 14 เดือน เพื่อนำมาประเมินและเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซต์ที่ใช้น้ำมันว่าระบบไหนจะประหยัดกว่ากัน โดยประเมินการใช้แบตเตอรี่ มิติเตอร์ รวมถึงประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน ส่วนการยกระดับการพัฒนารถยนต์ EV ในรูปแบบเชิงพาณิชย์นั้นบริษัท อีแกท อินโนเวชั่น โฮลดิ้งส์ คัมปานีส์ จำกัด ได้รับการพิจารณาจาก คนร.ได้ภายในปี 63 ก็คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 64


นอกจากนี้ กฟผ. ได้พัฒนาเรือโดยสารไฟฟ้า จำนวน 2 ลำ รองรับผู้โดยสารได้ลำละ 80 คน ซึ่งในระยะแรกจะทดสอบการเดินเรือเพื่อศึกษาวิจัยและประเมินสมรรถนะของเรือ โดยนำมาใช้ในภารกิจของ กฟผ. ก่อน แล้วจึงจะขยายผลสู่การใช้ประโยชน์สำหรับภาคประชาชนในอนาคต และมีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า กฟผ. ได้นำรถยนต์เก่าใช้แล้วมาดัดแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าด้วยชุด EV Kit ที่ กฟผ. และ สวทช. ร่วมกันพัฒนาขึ้น ให้สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลประมาณ 200 กิโลเมตรต่อการอัดประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง ความเร็วสูงสุดมากกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


รวมถึงการดัดแปลงรถเมล์เก่าที่หมดอายุการใช้งานแล้วของ ขสมก. ให้เป็นรถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ วิ่งได้ระยะทางไกลประมาณ 100-250 กิโลเมตรต่อการอัดประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร ความเร็วสูงสุดมากกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถรับผู้โดยสารได้ไม่ต่ำกว่า 80 คน และจะนำไปใช้ทดสอบเดินรถจริงในเส้นทางสาย 543ก (ท่าน้ำนนทบุรี – อู่บางเขน)


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews