Phones





กกพ.ปรับลดค่าไฟถูกลงเหลือหน่วยละ3.61บาท

2020-11-05 16:24:02 399




นิวส์ คอนเน็คท์ - กกพ. เคาะลดค่าเอฟทีงวด ม.ค. – เม.ย. 64 ลงอีก 2.89 สตางค์ เหลือ -15.32 สตางค์ ส่งผลให้ค่าไฟถูกลงเหลือหน่วยละ 3.61 บาท ขณะที่ปี 64 ประเมินค่าเอฟทีเฉลี่ย เหลือ -15.32 สตางค์ มีโอกาสค่าไฟถูกกว่าปี 63


เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 63 กกพ. มีมติให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 64 เหลือ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจากการเรียกเก็บงวด ก.ย. – ธ.ค. 63 ที่ -12.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าจ่ายค่าไฟฟ้าถูกลงอีก 2.89 สตางค์ต่อหน่วย หรืออยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย จากที่ก่อนหน้าค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.63 บาทต่อหน่วย โดยที่ผ่านมา กกพ. ได้บริหารจัดการ และตรึงค่าเอฟที เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ จากการปรับลดค่าไฟฟ้าลดลงในงวด ม.ค. – เม.ย. 64 นั้น เป็นการอิงกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และราคา LNG Spot ย้อนหลัง 6 เดือน หรือในช่วงเดือน เม.ย.- มิ.ย. 63 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมาต่ำส่งผลให้ค่าไฟฟ้าถูกลง อย่างไรก็ตาม หากประเมินค่าเอฟทีตามความเป็นจริงที่จะเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 64 จะต้องเหลือ -19.11 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงในระดับ 3.57 บาทต่อหน่วย แต่เพื่อการบริหารค่าเอฟทีมีเสถียรภาพภายใต้ปัจจัยเสี่ยงราคาน้ำมัน และราคา LNG Spot ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น สภาวะเศรษฐกิจที่อาจยังไม่ฟื้นตัวในระยะสั้น ปัจจัยเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเอฟปรับเพิ่มขึ้น จึงได้ประมาณการแนวโน้มค่าเอฟทีเฉลี่ยทั้งปี 64 ไว้ที่ระดับ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้นหากเป็นไปตามการประมาณการก็มีโอกาสที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าในปี 64 เฉลี่ยในระดับต่ำกว่าปี 63

ทั้งนี้ ในปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง จากที่ปรับตัวลงมาต่ำสุดในเดือน เม.ย. 63 ขณะที่ราคาน้ำมันในปี 64 คาดว่าจะเฉลี่ยที่ระดับ 41.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคา LNG Spot คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจุบันเฉลี่ยในระดับ 6-7 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู


ขณะเดียวกัน ปัจจุบัน กกพ.มีเงินจากการบริหารเอฟทีเหลืออยู่ราว 4,129 ล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุนเพื่อการดำเนินงาน (ROIC) ราว 2,000 ล้านบาท สำหรับใช้เป็นเงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้าในปี 64 และอาจจะนำส่วนหนึ่งไปใช้ช่วยลดค่าไฟฟ้าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาที่ยังเหลืออีก 1,371 ล้านบาท จากวงเงินรวมที่ต้องช่วยเหลือ 26,612 ล้านบาท


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews