Phones





พาณิชย์เร่งดันส่งออก - ฟื้นตลาดข้าวอิรัก

2019-08-26 15:18:37 298




 


นิวส์ คอนเน็คท์ - พาณิชย์ถกวอร์รูมส่งออก เร่งฟื้นตลาดข้าวอิรักด้วยรูปแบบ G to G จีบจีนนำเข้าข้าวไทยเพิ่ม พร้อมเปิดตลาดมันสำปะหลังเพิ่ม


นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรข้าวกับและมันสำปะหลัง เพื่อที่จะเร่งรัดการส่งออกตามที่ได้มีการตั้ง กรอ.พาณิชย์ และ war room และเพื่อผลักดันตัวเลขการส่งออกของประเทศ


ขณะเดียวกัน นอกจากมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 27 ส.ค.62 โดยใช้วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท จะดำเนินการเร่งรัดการส่งออกควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมายอดการส่งออกตัวเลขลดลง ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ประเทศผู้บริโภคข้าวไทยในตลาดโลกมองว่ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากไทยสูญเสียตลาดให้กับคู่แข่งบางส่วน


อย่างไรก็ตาม ได้หาข้อสรุปว่าตลาดที่จะดำเนินการเร่งรัดเป็นพิเศษในระยะเวลาอันสั้น ได้แก่ ตลาดอิรัก ซึ่งเป็นตลาดเดิม ซึ่งสูญเสียไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีบริษัทส่งข้าวไม่มีคุณภาพให้กับอิรัก ทำให้ความสัมพันธ์ในเรื่องการค้าข้าวระหว่างไทยกับอิรักเสียหายมาจนถึงวันนี้ ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิรัก และจะร่วมมือทั้งส่วนของกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนในการฟื้นตลาดอิรักใหม่ อาทิ การเร่งรัดเจรจาการค้าข้าวแบบ G to G


ตลาดที่ 2 คือ ตลาดจีน เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการทำ MOU ระหว่างไทยกับจีนที่จีนจะรับซื้อข้าวจากประเทศไทย 1 ล้านตัน แต่ยังมีค้างท่ออยู่ 3 แสนตัน ซึ่งจะดำเนินการเจรจากับจีนต่อไป โดยจะขอให้จีนรับซื้อข้าวหอมมะลิหรือข้าวหอมจากประเทศไทยแทนข้าวขาวมากขึ้นในโควตาค้างท่อที่ว่านี้


ตลาดที่ 3 ตลาดฟิลิปปินส์ ซึ่งฟิลิปปินส์ได้ปรับจากระบบโควต้าเป็นระบบนำเข้าข้าวโดยภาคเอกชน เพราะฉะนั้นภาคเอกชนของฟิลิปปินส์ที่นำเข้าข้าวกับภาคเอกชนไทยที่ส่งออกข้าว ก็ยังไม่ได้มีโอกาสที่จะได้พบปะกันอย่างจริงจัง เพราะระบบนี้พึ่งเริ่มต้น กระทรวงพาณิชย์จะทำหน้าที่ช่วยเป็นตัวกลางในการจัดการพบปะระหว่างผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ผู้ส่งออกข้าวจากประเทศไทยในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งโดยเร็ว และ 4 ตลาดญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ขอให้ญี่ปุ่นขยายโควต้าในการนำเข้าข้าวจากประเทศไทยให้มากขึ้น


ส่วนเรื่องการเปิดตลาดได้ข้อสรุปว่า ตลาดที่ต้องเร่งรัดเป็นพิเศษคือ 1. ตลาดจีน ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศไทย โดยเฉพาะจีนตอนใต้ที่จะเอาไปทำอาหารสัตว์ ซึ่งในรายละเอียดภายใน 2 สัปดาห์นี้ War room จะมีคำตอบตามมาว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด