Phones





KTC ต่อเวลามาตรการช่วยเหลือสมาชิก

2021-01-22 16:36:05 546




นิวส์ คอนเน็คท์ – KTC ขานรับ ธปท. ขยายเวลามาตรการด้านสินเชื่อ ช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ครอบคลุม 3 ธุรกิจหลัก บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ “เคทีซี พี่เบิ้ม”


เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งส่งผลกระทบกับธุรกิจน้อยใหญ่ ภาคประชาชนและสมาชิกของเคทีซีเอง และเพื่อร่วมสนับสนุนมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัท จึงขยายเวลามาตรการช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับผลกระทบ ครอบคลุมทั้งสมาชิกบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ 3.4 ล้านบัญชีทั่วประเทศ ดังนี้


1. ปรับลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตจากเดิม 10% เหลือ 5% ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.63 – 31 ธ.ค.64 อัตรา 8% ในปี 65 และอัตรา 10% ในปี 2566 เป็นต้นไป ส่วนลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล “เคทีซี พราว” ปัจจุบันได้รับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 3% ซึ่งอยู่ในแนวทางการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยที่สมาชิกไม่ต้องแจ้งความประสงค์เข้ามาที่บริษัท


2. เปลี่ยนสินเชื่อเป็นระยะยาว สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยหนี้บัตรเครดิตเปลี่ยนเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลระยะยาว ดอกเบี้ยฯ 12% ต่อปี นาน 48 เดือน หนี้บัตรกดเงินสด ผ่อนผันการชำระเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลระยะยาว ดอกเบี้ยฯ 22% ต่อปี นาน 48 เดือน โดยสมาชิกสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.64 - 30 มิ.ย.64


3. ลดค่างวด 30% และอัตราดอกเบี้ยฯ ไม่เกิน 22% ต่อปี เป็นเวลา 6 รอบบัญชีหรือ 6 งวด สำหรับสมาชิกสินเชื่ออเนกประสงค์ “เคทีซี แคช” และสินเชื่อทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ที่มีสถานภาพบัญชีปกติ และไม่มียอดค้างชำระ โดยสมาชิกสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.64 - 30 มิ.ย.64


ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 มีกลุ่มลูกหนี้สมัครเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างกับเคทีซีมียอดหนี้คงเหลือ 813 ล้านบาท (10,812 บัญชี)



>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews