นิวส์ คอนเน็คท์ – LH Bank ออกแคมเปญ “รักใครให้ฝากเงิน” ด้วยบัญชีออมทรัพย์คุ้มครองชีวิตเพื่อวางแผนความมั่นคงให้คนที่คุณรักโดยไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ยิ่งฝากมาก ยิ่งคุ้มครองมาก พร้อมรับเพิ่มของสมนาคุณ 2 ต่อ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 นายวุฒิชัย กมลสันติสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Retail Product and Marketing ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ในปี 63 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากกว่า 2 หมื่นราย เฉลี่ย 3 รายต่อชั่วโมง ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับคนในครอบครัว

ทั้งนี้ LH Bank มีผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองชีวิตที่ตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้กับคนข้างหลัง โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือ ยิ่งฝากมาก ยิ่งได้รับความคุ้มครองมาก กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั่วโลก 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ไม่ต้องตรวจสุขภาพและคล่องตัวกับการฝากถอนได้ทุกเวลา ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกฝากได้ 2 ประเภทคือ เงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองชีวิต 1 รับความคุ้มครองชีวิตกรณีเกิดอุบัติเหตุ 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 5 ล้านบาท และเงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองชีวิต 2 รับดอกเบี้ยสูง พร้อมความคุ้มครองชีวิตกรณีเกิดอุบัติเหตุ 3 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 15 ล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ LH Bank ขอมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองชีวิต ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. - 31 พ.ค. 64 พร้อมใช้บริการแอปพลิเคชัน LH Bank M Choice รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม 2 ต่อ ดังนี้ ต่อที่ 1 รับบัตรกำนัลเซ็นทรัล มูลค่า 100 บาท เมื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์คุ้มครองชีวิตตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป และคงเงินฝากถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 และต่อที่ 2 รับเพิ่ม ประกันโควิด 19 + ประกันแพ้วัคซีน พร้อมรับความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท เมื่อเปิดบัญชี ตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป โดยลูกค้าที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดที่ www.lhbank.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LH Bank ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ โทร.1327

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews