นิวส์ คอนเน็คท์ – BAY เผยผลประกอบการไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิ 6,505 ล้านบาท โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มองเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ คาดจีดีพีปี 64 ขยายตัว 2.2%
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ผลประกอบการของธนาคารในไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิจำนวน 6,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.2% หรือจำนวน 3,120 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการตั้งสำรองลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ลดลง 7.5% หรือจำนวน 528 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยเป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ
ขณะที่เงินให้สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 0.3% หรือจำนวน 6,365 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งรวมสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต 1.63% ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยลดลง 1.0% จากการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้าตามปัจจัยด้านฤดูกาลและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.07% เทียบกับ 3.14% ในไตรมาสก่อนหน้า รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 256 ล้านบาท หรือ 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้ารายย่อยที่สูงขึ้นตามฤดูกาลในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 43.8% เทียบกับ 46.5% ในไตรมาสก่อนหน้า อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.99% เทียบกับ 2.00% ณ สิ้นเดือนธ.ค. 63 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ 175.0% เทียบกับ 175.1% ณ สิ้นเดือนธ.ค. 63 และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ 17.85% เทียบกับ 17.92% ณ สิ้นเดือนธ.ค. 63
ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังของกรุงศรี ในท่ามกลางสภาวะการณ์ที่ท้าทาย พอร์ตสินเชื่อเพื่อธุรกิจของธนาคารยังคงเติบโตที่ 1.63% ในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งเกิดจากการสนับสนุนในด้านสภาพคล่องและสินเชื่อให้แก่ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจนการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการส่งออก สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าหลักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการทางเศรษฐกิจที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะที่การกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในช่วงต้นเดือนเม.ย. 64 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ กรุงศรีจึงปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 64 มาอยู่ที่ 2.2.% จาก 2.5%
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนและสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับภาคการธนาคารและเศรษฐกิจไทย กรุงศรีจะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในบทบาทสำคัญของผู้ให้บริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ โดยมุ่งให้ความสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การช่วยเหลือลูกค้าทั้งในส่วนของลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจขนาดใหญ่ และฟื้นฟูสังคมไทยโดยรวม ทั้งนี้ ธนาคารจะดำเนินการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เป็นดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและผลิตภาพให้แข็งแกร่ง พร้อมสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าประทับใจต่อไป” นายเซอิจิโระ กล่าว
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews