Phones





เงินเฟ้อพ.ค.64 เพิ่ม2.44% ขยายตัวเป็นเดือนที่2

2021-06-04 13:49:53 419



นิวส์ คอนเน็คท์ - “พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อเดือนพ.ค.64 เพิ่ม 2.44% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เหตุราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยหลัก กลุ่มอาหารสดเพิ่มขึ้นบางรายการ คาดเดือนมิ.ย. ยังขยับขึ้นอีก คงเป้าทั้งปี 0.7-1.7% 

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ค.2564 เท่ากับ 99.55 เทียบกับเดือนเม.ย.2564 ลดลง 0.93% เทียบกับพ.ค.2563 เพิ่มขึ้น 2.44% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่เพิ่มในอัตราที่ชะลอตัวลง ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) เพิ่มขึ้น 0.83% 

ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก พบว่า ดัชนีอยู่ที่ 100.45 ลดลง 0.11% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2564 และเพิ่มขึ้น 0.49% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.2563 และเฉลี่ย 5 เดือนเพิ่มขึ้น 0.23%  

สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อยังคงขยายตัวสูงขึ้น มาจากการสูงขึ้นของราคาพลังงาน 24.79% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นสูงถึง 36.49% และยังมีการสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่มอาหารสด เช่น เนื้อสุกร อาหารทะเล ผลไม้ ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ แต่ก็ได้รับผลดีจากมาตรการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปาของรัฐบาล และการลดลงของอาหารสดบางชนิด เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ ผักสด ที่เป็นปัจจัยชะลอไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงเร็วเกินไป ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ
     
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.2564 คาดว่าจะยังคงเป็นบวกอยู่ แต่ไม่น่าจะสูงเท่ากับเดือนพ.ค.2564 โดยไตรมาส 2 คาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.30% และไตรมาส 3 และ 4 ยังเป็นบวกอยู่ แต่ค่อยๆ ลดลง โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงาน สินค้าอาหารสด ที่มีทั้งบวกและลบ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะลดลง เช่น ข้าว ผักสด ผลไม้บางชนิด ที่จะมีราคาผันผวนบ้าง ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่อาหารสด ค่อนข้างนิ่ง ยกเว้นมีมาตรการรัฐ ที่จะเข้ามาช่วยลดค่าครองชีพ จะเป็นตัวเบี่ยงเบน  

อย่างไรก็ตาม สนค.คาดว่า เงินเฟ้อในปี 2564 จะเคลื่อนไหวระหว่าง 0.7–1.7% มีค่ากลางอยู่ที่ 1.2% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง แต่ถ้าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนเป้าหมายตัวเลขเงินเฟ้ออีกครั้ง