Phones





KBANKวางกลยุทธ์ลงทุนรับศก.โลกฟื้นตัว

2021-06-23 15:36:34 257



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – KBANK ประเมินเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัว หลังหลายประเทศเริ่มดำเนินมาตรการเปิดเมือง พร้อมวางกลยุทธ์ลงทุน โดยเน้นลงทุนในธีม Laggard and Cyclical Upturns ที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และกระจายพอร์ตลดความเสี่ยง
 
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารยังมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจโลกในปี 64 ยังเติบโตได้ดี ซึ่งเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากแรงหนุนของการเร่งฉีดวัคซีน การเดินหน้าเปิดเมือง และ นโยบายการเงิน และ การคลังที่ยังผ่อนคลาย โดยที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจส่วนมากยังบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และขยายตัวได้ดี
 
สำหรับการฟื้นตัวในแต่ละภาคธุรกิจ รวมถึงภูมิภาคนั้นจะเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน โดยภาคบริการมีแนวโน้มนำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง หลังจากที่การค้า และ การบริโภคฟื้นตัวได้ดีก่อนหน้านี้ และ มีแนวโน้มถึงจุดสูงสุดแล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจแต่ละประเทศก็ฟื้นตัวไม่พร้อมกัน โดยจีนได้ฟื้นตัวนำหน้าไปแล้วเมื่อปีก่อน ตามมาด้วยสหรัฐ และ ยุโรปที่กำลังจะเติบโตตามมา ส่วนประเทศเกิดใหม่จะฟื้นตัวในลำดับถัดไปหลังจากยุโรป โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกคาดว่า จะขยายตัวสูงสุดในไตรมาส 3/64 ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้คาดว่า จะเริ่มขยับขึ้นเข้าใกล้ก่อนเกิดโควิด-19 
 
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย แนะนำให้เลือกเป็นรายกลุ่ม โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับกลุ่มส่งออก เนื่องจากประเทศคู่ค้าเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ส่วนกลุ่มที่ควรเลี่ยง หรือ ลดน้ำหนัก คือ กลุ่มบริการ กลุ่มท่องเที่ยว เพราะยังได้รับผลกระทบจากโควิด โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ที่ยังไม่สามารถเปิดประเทศได้ แต่การที่จะเริ่มนำร่องที่ภูเก็ตถือเป็นสัญญาณที่ดี
 
“ตลาดปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง แต่แนวโน้มเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว หลังการเปิดเมือง ธนาคารยังคงเชื่อมั่นว่า การลงทุนระยะยาว ผ่านการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น และ ยังคงเน้นการลงทุนหุ้นในธีม Winner of New Economy, Health is Wealth, Save the World และ Laggard and Cyclical Upturns ที่ล้วนมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะ รวมไปถึงความสามารถในการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว”นายจิรวัฒน์ กล่าว

ด้านนางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director - Private Banking Financial Advisory Head KBANK กล่าวว่า ธนาคารยังมองว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากเป็นการดีดตัวกลับของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปีก่อนที่ได้รับแรงกดดันจากการหยุดชะงักของเศรษฐกิจในช่วงโควิด เช่น ราคาน้ำมัน ราคาทองแดง และ ราคาเหล็ก แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้น แต่ธนาคารยังคงมองว่า โลกจะอยู่ในยุคของเงินเฟ้อต่ำ เนื่องจากหลังจากที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มเปิดได้มากขึ้น และ กลับมาทำการค้าขายระหว่างประเทศ จะทำให้ความขาดแคลนสินค้าลดลง และ ราคาสินค้าจะกลับเข้าสู่จุดสมดุล
 
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุม FOMC อีกครั้งในช่วงเดือนส.ค. 64 ซึ่งเป็นการประชุมที่ Jackson Hole จะเริ่มเห็นภาพไทม์ไลน์ที่ชัดเจนขึ้นของการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ลงในช่วงปี 65 ซึ่งคาดว่าธนาคารสหรัฐฯจะลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ภายในปี 66 ซึ่งเป็นการไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไปทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังมีความน่าสนใจอยู่ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้
 
นายตรีพล ภูมิวสนะ Managing Director - Private Banking Business Head KBANK กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนสำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 ได้แก่ การลงทุนต่อเนื่องในสินทรัพย์เสี่ยงจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีในปีนี้ จะช่วยหนุนกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเพียงชั่วคราวจะยังหนุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นให้ไปต่อได้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักร และกลุ่มหุ้นพื้นฐานยั่งยืน ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หลังจากปัจจุบันหุ้นในกลุ่มที่เติบโตนั้น ถูกซื้อขายที่ราคาสูงกว่าหุ้นพื้นฐานยั่งยืนอยู่มาก และ แนวโน้มผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับสูงขึ้น จะเป็นแรงหนุนให้กับหุ้นพื้นฐานยั่งยืนมากกว่าหุ้นกลุ่มเติบโต
 
“ธนาคารยังแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกทั้งหุ้นนอกตลาด และกองรีท ไปจนถึงกลยุทธ์การลงทุนแบบ Hedge Fund หรือ Structured Notes ที่จะช่วยแสวงหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมในช่วงตลาดที่หลากหลาย และ มีความผันผวนสูง การมองหาหุ้นกู้เอกชนในจีน เนื่องจากดอกเบี้ยในฝั่งประเทศเกิดใหม่ยังน่าสนใจกว่าประเทศพัฒนาแล้ว และ ตลาดหุ้นกู้จีนก็มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยการลงทุนในหุ้นกู้จีนในบริษัทที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และ มีการเติบโตของกำไรสุทธิที่ดีคาดว่า จะช่วงพยุงพอร์ตโดยรวมได้ดี โดยการคัดสรรหุ้นกู้คุณภาพมีความสำคัญ ในทางกลับกันก็ให้ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพราะจะได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขาขึ้นที่จะทำให้ราคาปรับลง รวมถึงอัตราผลตอบแทนก็ต่ำมาก อาจไม่สามารถชดเชยกับแนวโน้มราคาที่ปรับลงได้” นายตรีพล กล่าว