Phones





FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่น3เดือนหน้า ดิ่ง39.3%

2021-08-03 13:00:25 236



นิวส์ คอนเน็คท์ - FETCO เผย ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนใน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 64.37 ลดลง 39.3% อยู่ในเกณฑ์ซบเซา หลังโควิด-19-เศรษฐกิจในประเทศ ฉุดความเชื่อมั่น 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนกรกฎาคม 2564 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 64.37 ปรับตัวลดลง 39.3% จากเกณฑ์ทรงตัวเดือนก่อนมาอยู่ในเกณฑ์ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายภาครัฐ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกปัจจุบันที่รุนแรงขึ้น รองลงมาคือความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ

โดยผลสำรวจ ณ เดือนกรกฎาคม 2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 40.1% อยู่ที่ระดับ 65.79 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 40% อยู่ที่ระดับ 50.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 55.5% อยู่ที่ระดับ 57.89 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 33.3% อยู่ระดับ 66.67

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 สถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นมาก รวมถึงความไม่ชัดเจนของการจัดหาและกระจายฉีดวัคซีน เป็นปัจจัยหลักที่กดดันต่อการเคลื่อนไหวของ SET index ตลอดทั้งเดือน และปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของเดือน หลังจากมีการออกมาตรการ Lockdown เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบให้กระแสเงินลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศทยอยไหลออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 17,700 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม 

อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยยังได้แรงหนุนจากปัจจัยภายใน อาทิ การประกาศมาตรการเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown ในพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม และมาตรการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปา วงเงินรวม 42,000 ล้านบาทจากรัฐบาล อีกทั้ง ปัจจัยภายนอก เช่น การประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายของ FED และ ECB เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางความเสี่ยงที่ยังมีอยู่สูง ส่งผลให้ SET index ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 ปิดที่ 1,521.92 จุด ปรับตัวลดลง 4.15% จากเดือนก่อนหน้า

ด้านปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การประชุม Jackson Hole Symposium วันที่ 26-28 ส.ค. 2564 ซึ่ง Fed อาจมีการส่งสัญญาณการทำ QE Tapering การควบคุมและการออกกฎระเบียบจากทางการจีนซึ่งกระทบต่อ sentiment ในการลงทุนหุ้นจีนโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ความขัดแย้งใน “โอเปก” ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมันโลก 

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่อาจกระทบต่อการลงทุน ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชนที่อาจจะถูกกระทบอย่างหนักจากมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดขึ้น สภาวการณ์ของเศรษฐกิจไทยที่น่าจะฟื้นตัวได้ยาก เนื่องจากแผนการเปิดประเทศเต็มรูปแบบภายในปีนี้ตามเป้าหมายรัฐบาลที่อาจจะไม่เป็นไปตามแผน ดังนั้น แนวทางการกระตุ้นการดำเนินนโยบายการคลังของภาครัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามซึ่งจะส่งผลต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย