Phones





“เป๋าตัง” เชื่อมฟู้ดเดลิเวอรี่ “LINE MAN - Grab” กระตุ้นใช้จ่ายคนละครึ่ง

2021-10-04 15:16:47 242



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - “กรุงไทย” ขยายศักยภาพแอปฯ เป๋าตัง ตามเป้าหมาย Thailand Open Digital Platform เปิดกว้างรองรับทุกการใช้จ่ายของลูกค้า ล่าสุดยกระดับบริการ เชื่อมระบบสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ “LINE MAN - Grab” ผ่านโครงการคนละครึ่งบนแอปฯ เป๋าตัง ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ ห่างไกลโควิด-19 เริ่มวันนี้
 
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันเป๋าตังให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมเปิดกว้างจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบริการต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกกิจกรรมในชีวิตของลูกค้าประชาชน ทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ด้านสุขภาพ การศึกษา การออมและการลงทุน รวมถึงการบริการต่างๆ ของภาครัฐ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 33 ล้านคน
 
ล่าสุด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ในการขับเคลื่อนโครงการคนละครึ่งธนาคารได้ขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้สามารถรองรับการใช้จ่ายในการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ 2 รายใหญ่ คือ แกร็บ (Grab) และ ไลน์แมน( LINE MAN) โดยการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เพิ่มความความสะดวกในการใช้งานให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ลดค่าใช้จ่ายในการครองชีพ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในช่วง Work From Home ที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้บริการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้น เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
ทั้งนี้ การเชื่อมแอปฯเป๋าตัง กับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เป็นมิติใหม่ของการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มพันธมิตรระดับชั้นนำของประเทศ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าประชาชนผู้ใช้งาน พร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของการจ้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ  สร้างโอกาสเพิ่มช่องทางการขายและโปรโมตให้กับร้านค้าต่างๆ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้านค้าได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น โดยที่เม็ดเงินในโครงการยังคงไปที่ร้านค้าต่างๆ เพราะเป็นเงินช่วยในส่วนค่าอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่ร่วมค่าส่ง จึงช่วยเพิ่มยอดขายและรายได้ให้ผูัประกอบการร้านอาหารรายเล็กรายน้อยโดยตรง สามารถประคับประคองกิจการให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
 
แอปฯเป๋าตัง ได้รับการพัฒนาโดย อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ซึ่งเป็นเรือเร็ว (Speed Boat) ของธนาคารที่ดำเนินงานอยู่บน 3 เสาหลัก คือ 1.การพัฒนาระบบโครงสร้างดิจิทัลพื้นฐานแบบเปิด (Open Banking Platform) 2.เป็นการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ธุรกิจในยุคนิวนอร์มอล ( Innovative Digital Business Platform) และ3.สร้างเป็นระบบเปิดที่รองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ ให้สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างตรงจุด ด้วยการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่กำลังเข้าสู่ยุค Digital Economy ให้ทั่วถึงและสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
 
นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า หลังจากที่ LINE MAN ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง ทีมงานได้ดำเนินการยกเครื่องเชื่อมระบบหลังบ้านระหว่างแอปฯ LINE MAN และแอปฯเป๋าตังอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้ใช้สั่งอาหารได้ง่ายและจ่ายง่ายกว่าเดิม โดยสามารถกดจ่ายผ่านแอปฯเป๋าตังได้เลยทันทีเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นที่สุดในการสั่งอาหาร นอกจากนี้ยังได้เตรียมแคมเปญกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่ “คุ้มคนละชั้น สั่งคนละครึ่ง” ทั้งส่วนลดค่าอาหารเพิ่มเติม โค้ดฟรีค่าส่ง และอีกมากมาย เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยทั้งหมดนี้ LINE MAN ได้ทุ่มเทกำลังเพื่อตอกย้ำภาพความเป็นเบอร์ 1 ในการใช้จ่ายคนละครึ่งผ่านเดลิเวอรี่
 
ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า Grab รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในครั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ จึงได้มีการจัดแคมเปญล่าสุด “แกร็บฟู้ด สั่งเถิดชาวไทย” ที่มอบส่วนลดสูงสุด 60% จากร้านค้าทั่วไทยที่เข้าร่วมแคมเปญรวมทั้งสิ้นกว่า 20,000 ดีล ตั้งแต่วันนี้จนถึง 24 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับคนไทย พร้อมยังได้มีมาตรการสนับสนุนร้านค้า ด้วยการปรับค่าคอมมิชชันในอัตราพิเศษสูงสุดไม่เกิน 20% ให้กับร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอย และส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น