Phones





EXIM BANK สินเชื่อโต7% เดินหน้าหนุนธุรกิจ Green Export Supply Chain

2024-05-02 15:22:28 63




นิวส์ คอนเน็คท์ - EXIM BANK โชว์ผลงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 132 ล้านบาท โดยมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ อยู่ที่ 5,853 ล้านบาท และ มีสินเชื่อคงค้างและ ภาระผูกพัน 174,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.05% โดย NPL อยู่ที่ 4.99%

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 - ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 ธนาคารได้สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และ ขยายการค้า และ การลงทุนทั้งใน และ ต่างประเทศ ควบคู่กับการยกระดับธุรกิจไทยให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โยวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ อยู่ที่ 5,853 ล้านบาท และ มีสินเชื่อคงค้างและ ภาระผูกพัน 174,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,474 ล้านบาท หรือ 7.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ในส่วนของสินเชื่อคงค้าง และ ภาระผูกพันที่เป็น ESG 67,310 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38.64% ของยอดทั้งหมด และเพิ่มขึ้นถึง 55.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็น SMEs จำนวน 12,475 ล้านบาท ขณะที่ด้านสินเชื่อคงค้าง และ ภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 127,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศทั้งสิ้น 50,210 ล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ EXIM BANK สนับสนุนธุรกิจไทยให้ขยายไปกลุ่มประเทศ CLMV และ New Frontiers ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อคงค้าง และ ภาระผูกพันในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers จำนวน 43,257 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ธนาคารมีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออก และ การลงทุนเท่ากับ 54,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้า 5,607 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs มากถึง 81.15% ประกอบกับ ยังสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ผ่านการบ่มเพาะและให้ความรู้ จับคู่ทางธุรกิจ และ ให้คำปรึกษาทางการเงิน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 EXIM BANK ได้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสะสมประมาณ 19,840 ราย 

ขณะเดียวกัน EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน 8,600 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2567 เท่ากับ 4.99% และ มีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 15,972 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยคิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 185.72% ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงาน 805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ มีกำไรสุทธิ 132 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2567 EXIM BANK เดินหน้า Go the Extra Mile ชูบทบาท Green Development Bank สร้าง Greenovationช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจใน Green Export Supply Chain ให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษโดยอ้างอิงกับผู้ประกอบการรายใหญ่ พัฒนาสินค้ารักษ์โลกของไทยสู่ตลาดโลก เร่งเครื่องภาคส่งออกของไทยขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก 

พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เทียบเท่า MRR รวม 0.40% ต่อปีนับแต่ต้นปีนี้ เหลือ 6.35% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบธนาคาร ช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs อีกทั้งยังพัฒนา Greenovation อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ระดับชุมชน ประเทศชาติ และ โลกโดยรวม

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอยู่ที่ระดับ 2-3% เนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญกลับมาขยายตัวพร้อมกันในรอบ 6 ปี ได้แก่ การบริโภค และ การลงทุนทั้งภาครัฐและ ภาคเอกชน การท่องเที่ยว ตลอดจนเครื่องยนต์สำคัญอย่างการส่งออกซึ่งหดตัวในปีที่ผ่านมามีแนวโน้มขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวช้าของภาคการผลิต และ หนี้ครัวเรือนในระดับสูง 

ทั้งนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจโลก และ การค้าโลกในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัว 3.2% และ 2.8% ตามลำดับ ราคาน้ำมันโลก และ ราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินค้าส่งออกปรับตัวสูงขึ้นตาม

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว และ แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดโลก โดยยกระดับคุณภาพ และมูลค่าสินค้าเพื่อเจาะตลาดที่มีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์ Gadgets และ สินค้ารักษ์โลก ขณะเดียวกันต้องติดตามข่าวสาร และปฏิบัติตามมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมในการส่งออกไปตลาดสำคัญของโลก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) จีน ญี่ปุ่น และ อินเดีย ซึ่งคิดเป็น 51% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทยในปี 2566

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ในปี 2564 สัดส่วนการส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทยอยู่ที่ 7.6% ของมูลค่าส่งออกรวม ต่ำกว่าหลายประเทศ อาทิ เยอรมนี (15.4%) ญี่ปุ่น (15%) จีน (10.4%) และเกาหลีใต้ (10.2%)


นอกจากนี้ EXIM BANK จึงได้พัฒนา Greenovation ที่มุ่งยกระดับสินค้าส่งออกของไทยเป็นสินค้ารักษ์โลก หรือ Green Products ควบคู่กับการสร้าง Green Export Supply Chain ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยมลภาวะ บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และ การขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด เป็นต้น นับเป็นธนาคารแรก ๆ (Lead Bank) ที่มี Solution ทางการเงินช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ครบทุก Scope ทั้ง 1-2-3 กล่าว คือ สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สะอาดขึ้น การใช้พลังงานหมุนเวียน และ การช่วยให้ Suppliers ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

โดย EXIM BANK สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ Green Export Supply Chain อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 3.85% ต่อปี ให้แก่ Suppliers และ ผู้ซื้อปลายทางของผู้ประกอบการตลอด Supply Chain ที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง และ รายใหญ่ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำได้ ซึ่งอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ (Sponsors) ได้รับ