Phones





คาดตลาด “Stem Cells” ในเอเชียแปซิฟิกโตเฉลี่ย 16%

2024-12-23 10:40:41 57



คาดตลาด “Stem Cells” ในเอเชียแปซิฟิกโตเฉลี่ย 16% โดดเด่นที่สุดในโลก จากภาพรวมตลาดทั่วโลกที่เติบโตเฉลี่ย 11.41% ในปี 2025-2030 ดันมูลค่าตลาดรวมทะลุ 800,000 ล้านบาทในปี 2030

จากข้อมูลบทวิจัยของ Grand View Research บริษัทวิจัยทางการตลาดของสหรัฐอเมริกาที่มีฐานข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับ 46 อุตสาหกรรมใน 25 ประเทศหลักทั่วโลก ซึ่งทำการวิจัยทางด้านการตลาดมากกว่า 2,000 ชิ้นทั่วโลก ได้ระบุในรายงานวิจัยว่ามูลค่าตลาดเซลล์ต้นกำเนิด หรือ stem cells ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 15,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 513,400 ล้านบาทในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย หรือ CAGR อยู่ที่ 11.41% ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2030

โดยมีปัจจัยหลักมาการพัฒนาในด้าน precision medicine และจำนวนสถานที่ผลิตเซลล์บำบัด รวมถึงจำนวนการทดลองทางคลินิกที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งความก้าวหน้าในการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด และวิศวกรรมเนื้อเยื่อได้สร้างความตื่นตัวไปยังการรักษาโรคอื่นๆหลายชนิด นอกจากนี้ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด และงานวิจัยที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการผลิต และการจัดเก็บ รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐานจําเพาะของเซลลล์ต้นกำเนิด ส่งผลให้มีการคาดว่าจะกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมได้

จากการระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อตลาด ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ในการรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทำให้นักวิจัยทางการแพทย์ให้ความสนใจ ส่งผลให้มีการทดลองทางคลินิกเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทต่างๆ และสถาบันวิจัยกำลังร่วมมือกันพัฒนาวิธีการรักษาโรคใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันวิจัยโรคติดต่อCelularity ได้ประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2020 ว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาของสหรัฐฯ ได้อนุมัติรับรองการทดลองทางคลินิกเพื่อพัฒนาวิธีบำบัดด้วยเซลล์สำหรับ COVID-19

ความต้องทางด้านเวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อมที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะเป็นแรงผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรม การรักษาด้วยเวชศาสตร์การฟื้นฟู มีการใช้งานอย่างกว้างขวางในการรักษาโรคต่างๆ นอกจากนี้ ประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ก็ส่งผลความต้องการทางด้านเวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อมที่เพิ่มขึ้น เพื่อวินิจฉัย และป้องกันโรคในระยะเริ่มต้น

ทั้งนี้ภาพรวมของอุตสาหกรรมเติบโตอยู่ในระดับปานกลาง และกำลังเร่งตัวขึ้น ซึ่งคาดว่าตลาดจะเติบโตเนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดประเภทต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมายาย เช่น เซลล์ต้นกำเนิดเมเซนไคมอล เซลล์ต้นกำเนิดพหุศักยภาพที่เหนี่ยวนำ หรือ pluripotent stem cells เป็นต้น

ตลาดมีระดับการขยายตัวปานกลางในระดับภูมิภาค ทำให้ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ และนักวิจัยในพื้นที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเซลล์ต้นกำเนิดได้ นำไปสู่ความก้าวหน้าในด้านเวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อม วิศวกรรมเนื้อเยื่อ และการประยุกต์ใช้เซลล์ต้นกำเนิดในการรักษา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยที่ตลาดเซลล์ต้นกำเนิดของอเมริกาเหนือมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 43.89% ในปี 2024 เนื่องมาจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพที่แข็งแกร่ง การวิจัย และพัฒนาอย่างกว้างขวาง และการส่งเสริมการด้านแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ การเติบโตในภูมิภาคนี้ยังมาจากความคิดริเริ่มของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นในการส่งเสริมการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด

ในขณะที่ตลาดเซลล์ต้นกำเนิดในเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตได้โดดเด่นที่สุดด้วยอัตราเฉลี่ย 16.08% ในช่วงปี 2025-2030 เนื่องมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งของการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด และฐานประชากรผู้ป่วยจำนวนมาก รวมถึงเงินทุนจากรัฐบาลในการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 รัฐบาลอินเดียได้จัดตั้งศูนย์วิจัยเซลล์ต้นกำเนิดที่ทันสมัยในสถาบันวิจัย และการศึกษาด้านสุขภาพชั้นนำ 40 แห่ง นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ใช้เงิน 80 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านสภาวิจัยทางการแพทย์ของอินเดีย(ICMR) ในช่วงสามปีที่ผ่านมาสำหรับบางโครงการวิจัย

Adult stem cells ครองส่วนแบ่งรายได้ที่ 70.76% ในปี 2024 เนื่องจากเซลล์เหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ตัวอ่อน นอกจากนี้ ในกรณีของเซลล์ต้นกำเนิดของผู้ใหญ่ ยังไม่มีความเสี่ยงในการปฏิเสธการปลูกถ่าย การพัฒนาบริการจัดเก็บเซลล์ และความก้าวหน้าในการเก็บรักษาด้วยความเย็นคาดว่าจะกระตุ้นความต้องการต่อไป

เซลล์ต้นกำเนิดของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (MSC) เซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือด เซลล์ต้นกำเนิดของเยื่อบุผิว หรือผิวหนัง และเซลล์ต้นกำเนิดของระบบประสาท ล้วนเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของระบบประสาทชนิดย่อย คาดว่าเซลล์ MSC จะมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด เนื่องมาจากการนำไปใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะของตนเอง การวิจัย และทดลองทางคลินิกอย่างกว้างขวางแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ

การอนุมัติการทดลองทางคลินิกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด ส่งผลให้กลุ่มการแพทย์ฟื้นฟูครองส่วนแบ่งถึง 85.62% ในปี2024 เช่น Longeveron LLC ประกาศในเดือนมิถุนายน 2020 ว่าสำนักงานเภสัชกรรม และอุปกรณ์การแพทย์ของญี่ปุ่น หรือ PMDA ได้อนุมัติการเริ่มการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 2 เพื่อประเมินความปลอดภัย และประสิทธิภาพของเซลล์ต้นกำเนิดเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่สามารถใช้รักษาความเสื่อมที่เกิดจากวัยชรา

นอกจากนี้รัฐบาลหลายแห่งยังสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาเวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อมอย่างต่อเนื่อง เช่นรัฐบาลแคนาดาได้ลงทุนประมาณ 6.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการวิจัยเวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อมในเดือนมีนาคม2020 กองทุนนี้จะใช้เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัย 9 โครงการ และการทดลองทางคลินิก 4 ครั้งเพื่อพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ ในสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม

กลุ่มธุรกิจการจัดเก็บคัดแยกเซลล์มีส่วนแบ่งรายได้ที่ 33.43% ในปี 2024 ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเซลล์ไขกระดูก การสกัดเลือดจากสายสะดือและการสกัดเลือด กลุ่มการเก็บเกี่ยวไขกระดูกมีส่วนแบ่งรายได้สูงสุดเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่นความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้น อัตราการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งในเลือด และการเข้าถึงการบำบัดด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย

กลุ่มผลิตภัณฑ์การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 59.33% ในปี 2024 ในแง่ของการสร้างรายได้ จากปัจจัยต่างๆ เช่นการเติบโตของธนาคารเซลล์ต้นกำเนิด รวมถึงบริษัทเซลล์บำบัดหลายแห่งกำลังเปลี่ยนธุรกิจไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เซลล์บำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด

กลุ่มบริษัทเภสัชกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 54.19% ในปี 2024 จากอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของการทดลองทางคลินิก และการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมเชิงกลยุทธ์ควบคู่ไปกับการปรับปรุงบริการด้านการดูแลสุขภาพ รวมถึงจำนวนการทดลองทางคลินิกที่เพิ่มมากขึ้น โดยรายชื่อการทดลองทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดอยู่ที่ประมาณ 5,000 รายการบนเว็บไซต์ClinicalTrials.gov โดยมีการทดลองทางคลินิกใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันในสาขานี้

อุตสาหกรรมเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cells ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของการวิจัย พัฒนา และการทดลองทางคลินิกที่เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยทางด้านของสังคมผู้สูงอายุ และการเกิดขึ้นของโรคต่าง ๆ ถึงแม้ว่าในบางแง่มุมของการใช้ประโยชน์จากเซลล์ต้นกำเนิด นั้นยังคงต้องรอความชัดเจน และผลทางการวิจัยทดลองทางคลินิกที่ได้รับการยอมรับ แต่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ก็พร้อมที่จะเดินหน้าในการวิจัย พัฒนา และทดลองอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสในการที่จะใช้ประโยชน์จากเซลล์ต้นกำเนิดในการดูแลรักษาสุขภาพให้กับผู้คนได้ในอนาคต