Phones





NUT เปิดราคา IPO 6.80 บ./หุ้น จ่อเทรด mai 11 มิ.ย.นี้

2025-05-30 17:11:32 108



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - NUT เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 37 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.80 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 68 คาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 11 มิ.ย. นี้ ด้านบล.ฟิลลิป ที่ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี เตรียมผนึกบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง ร่วมจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT เปิดเผยว่า NUT ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคา 6.80 บาทต่อหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 37 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 2568
 
ขณะที่คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 11 มิ.ย. 2568 ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค
​โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
สำหรับการกำหนดราคา IPO ในครั้งนี้ ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมและสะท้อนปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดย NUT เป็นองค์กรที่มีจุดแข็งทั้งด้านการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมสุขภาพ การผลิตที่ได้มาตรฐานสากล และความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีแผนขยายธุรกิจที่ชัดเจนและหลากหลาย ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว จึงเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ และ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
 

นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT กล่าวว่า บริษัทถือได้ว่าเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและการผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ที่มีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่การคิดค้นสูตรที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบภายในโรงงานของตนเอง ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานสากล และ การจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
 
ทั้งนี้ ภายหลังจากการระดมทุน บริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิตคอนเทนต์ (Content) รวมถึงการว่าจ้างพรีเซ็นเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเสริมอาหารและเครื่องสำอาง
 
ขณะที่บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในสามกลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement) ซึ่งจะมุ่งเน้นการพัฒนาสูตรเฉพาะและสร้างความแตกต่างของ แบรนด์ ผ่านการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคด้วยอินฟลูเอนเซอร์ และ กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก, กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skin Care) ที่เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ปัญหาผิวเฉพาะทาง พร้อมคัดสรรส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal Care) ที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ เช่น สเปรย์ระงับกลิ่น และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน โดยทุกกลุ่มจะเดินหน้าสื่อสารแบรนด์ผ่านคอนเทนต์คุณภาพ ผสานช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนและอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี