Phones





TEGH เซ็น MOU กยท. บริหารจัดการผลผลิตยางพารา

2025-10-16 10:59:52 86



นิวส์ คอนเน็คท์ - TEGH ผนึก กยท. เซ็น MOU บริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้มีความสมดุล สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่เสถียรภาพด้านราคายางได้ในระยะยาว ตั้งเป้าผลิตภายใต้ความร่วมมือไม่น้อยกว่า 5,000 ตันต่อเดือน ตลอดระยะสัญญา 5 ปีเต็ม พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้แข่งขันได้ในระดับโลกอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 นายเกริกกุล โภกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ-สายธุรกิจยางพาราและปาล์มน้ำมัน บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อร่วมมือด้านการบริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้มีความสมดุลอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมี นายเพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม ณ สำนักงานใหญ่ การยางแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร

โดยความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่มั่นคงให้เกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมทั้ง สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้แข่งขันได้ในระดับโลกอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดจริง ลดความผันผวนด้านราคา มีการตรวจสอบแหล่งผลิตและประเมินความเสี่ยงตามมาตรการ EUDR หรือมาตรฐานอื่นๆ และสร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

อีกทั้้งจะมุ่งเน้นการรวบรวมผลผลิตยางพาราอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง รวมกลุ่มกันเพื่อให้มีกลไกกลางในการบริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้มีความสมดุล สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่เสถียรภาพด้านราคายางได้ในระยะยาว รวมถึงมีแหล่งรับซื้อในราคาที่เป็นธรรม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

สำหรับบทบาทของ TEGH ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ได้แก่ ดำเนินการผลิตยางพาราให้ได้ตามมาตรฐานตามที่ กยท. รวบรวมมา เพื่อรองรับการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศสนับสนุนให้เกษตรกรมีช่องทางจำหน่ายผลผลิตที่เป็นธรรมและยั่งยืน ดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลและกฎระเบียบของการยางแห่งประเทศไทย

ขณะที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะรับหน้าที่รวบรวมผลผลิตยางพาราไม่น้อยกว่า 5,000 ตันต่อเดือน จากตลาดกลางยางพาราจังหวัดและตลาดเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมดำเนินการตรวจสอบแหล่งผลิต ประเมินความเสี่ยงตามมาตรการ EUDR (EU Deforestation Regulation) รวมถึงออกเอกสารข้อมูลการซื้อขายยางให้แก่ผู้ซื้ออย่างครบถ้วน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในระบบการค้า

ทั้งนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ลงนาม และอาจมีการขยายระยะเวลาเพิ่มเติมในอนาคต โดยทั้งสองฝ่ายมีเจตนาร่วมกันในการ พัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบการ และเศรษฐกิจไทยโดยรวม