Phones





กสิกรไทย เปิดตัวโครงการนำร่อง Carbon Credit Tokenization

2025-10-24 17:44:27 58



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – กสิกรไทย ผนึกกำลังพันธมิตรประกาศความร่วมมือโครงการนำร่องการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคนดิจิทัล ครั้งแรกในไทย ภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการซื้อขายและชดเชยคาร์บอนเครดิตด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกรรมสู่เป้าหมาย Net Zero
 
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยเครื่องมือที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน องค์ความรู้ และเทคโนโลยี รวมทั้งส่งเสริมการวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตภาคบังคับในอนาคต
 
ล่าสุด ธนาคารได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.), บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix) และบริษัท ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น (Orbix Technology) จำกัด ดำเนินโครงการนำร่องการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคนดิจิทัล (Carbon Credit Tokenization) ที่มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในกระบวนการซื้อขายและชดเชยคาร์บอนเครดิต เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการทำธุรกรรมของตลาดคาร์บอนเครดิตภาคบังคับที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตอบสนองการดำเนินนโยบายของประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและเป้าหมาย Net Zero ในระยะยาว
 
ทั้งนี้ ภายใต้โครงการนำร่องดังกล่าว ธนาคารจะเดินหน้าส่งเสริมการนำคาร์บอนเครดิตจากป่าในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ มาใช้ในระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี Kubix ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการระบบและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการกระบวนการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคนดิจิทัล สามารถแบ่งเป็นหน่วยย่อยในระดับ กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงกระบวนการเสนอขาย การถือครอง การแปลงกลับเป็นคาร์บอนเครดิต และการชดเชยคาร์บอนเครดิต ซึ่งทั้งหมดดำเนินการบนบล็อกเชน Quarix ที่พัฒนาโดย Orbix Technology ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับของข้อมูลคาร์บอนเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ใช่เพียงการทดลองเทคโนโลยีใหม่เท่านั้น หากแต่เป็นการวางรากฐานสำคัญในการพัฒนาตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทยให้มีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดคาร์บอนภาคบังคับในอนาคต รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในระดับภูมิภาค โดยธนาคารมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมนวัตกรรมด้าน Green Finance ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนยุคใหม่ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการดำเนินธุรกรรม พร้อมช่วยเหลือลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี อีกทั้งสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โครงการ Carbon Credit Tokenization จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อน “Future of Finance” สู่เศรษฐกิจสีเขียว และสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) ของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
 
ด้านหม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า คาร์บอนเครดิตที่นำมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้ มาจากการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อบก. ตามมาตรฐาน T-VER โดยพื้นที่ป่าแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการลดอัตราการเกิดไฟป่า การฟื้นฟูระบบนิเวศ อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนในพื้นที่ ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกว่า 11,000 คนในการรักษาป่าต้นน้ำของประเทศไทยกว่า 90,000 ไร่ เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจนเกิดผลประโยชน์ร่วมได้จริงเชิงประจักษ์
 
ขณะที่นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) กล่าวว่า อบก. จะทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนบริหารจัดการระบบทะเบียนคาร์บอนเครดิต (Registrar) เพื่อบันทึกการรับรอง การถือครอง การถ่ายโอน การยกเลิก และการใช้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชย ตลอดจนออกใบรับรองการยกเลิกปริมาณก๊าซเรือนกระจก เมื่อมีกระบวนการชดเชยเสร็จสิ้น ตลอดจนให้บริการและคำปรึกษาในการใช้งานและทำธุรกรรมในระบบทะเบียนคาร์บอนเครดิต ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้การประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามกรอบการดำเนินงานของ Regulatory Sandbox อย่างถูกต้อง ซึ่งสอดรับกับทิศทางการดำเนินงานของ อบก. ในการส่งเสริมตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกและการซื้อขายแลกเปลี่ยนปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยการเพิ่มอรรถประโยชน์ของคาร์บอนเครดิตในรูปแบบต่าง ๆ