Phones





SCB WEALTH ชู ‘AI Infrastructure’ คลื่นลงทุนยักษ์แห่งอนาคต

2025-12-11 14:57:25 87



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - SCB WEALTH จับมือ BlackRock ร่วมเสวนาในหัวข้อ The Global AI Race: Riding the Tsunami of Tomorrow's Infrastructure คลื่นยักษ์แห่งโอกาสลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI แห่งอนาคต มองโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญในกลุ่ม AI Infrastructure และ Private Markets ขณะที่ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางด้าน Data Center ในภูมิภาค
 
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวในงานเสวนา The Global AI Race: Riding the Tsunami of Tomorrow's Infrastructure คลื่นยักษ์แห่งโอกาสลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI แห่งอนาคต ในงาน SCB WEALTH : HOLISTIC WEALTH FORUM 2025 ภายใต้ธีม STORM SHIFT ว่า โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุค Digital Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและพฤติกรรมผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มไปสู่ยุคที่ AI เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมทางเทคโนโลยี แต่กำลังกลายเป็น “โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่” ที่จะยกระดับการผลิต การบริการ และรูปแบบธุรกิจทั่วโลก
 
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า AI จะเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจโลกกว่า 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยพัฒนาการของ AI กำลังก้าวจาก Generative AI ไปสู่ Agentic AI (AGI) ที่ทำงานได้หลายหน้าที่พร้อมกัน (Multi -Task & Multi-Workflow) ซึ่งต้องการพลังประมวลผลสูงมาก ส่งผลให้ความต้องการ AI Infrastructure เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ทั้งนี้ องค์ประกอบของ AI Infrastructure ประกอบด้วย 1. Data Infrastructure เช่น Data Center, ระบบจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูล, 2. Computing & Networking เช่น ความเร็วของเครือข่าย และระบบเชื่อมต่อ และ 3. Power/Grid & Cooling System เช่น ระบบพลังงาน และระบบทำความเย็นเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว คาดว่าความต้องการพลังงานของ Data Center ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 4-5 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของ AI ในทศวรรษนี้ ดังนั้น โอกาสการลงทุน จึงไม่ใช่แค่ AI แต่ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมสนับสนุน
 
อย่างไรก็ตาม จังหวะการเข้าลงทุน เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี หรือไม่ดี หากเข้าลงทุนเร็วเกินไป อาจเป็นช่วงที่เมกะเทรนด์ยังไม่สามารถสร้างผลเชิงพาณิชย์ได้ แต่หากลงทุนช้าเกินไป ราคาอาจสะท้อนมูลค่าในอนาคตไปหมดแล้ว ซึ่งการลงทุนในเมกะเทรนด์ AI นั้น เรามองว่า ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากการใช้ AI ในหลายอุตสาหกรรม และอีก 5-10 ปีข้างหน้า AI Infrastructure อาจขยายตัวระดับเมือง ระดับประเทศมากขึ้น ดังนั้น หากลงทุนใน AI Infrastructure ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้
 
ด้าน Mr.George Maltezos Head of BlackRock Capital Formation Team (CFT) in Asia Pacific and Head of Southeast Asia Institutional Client Business กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้นักลงทุนควรมองข้ามความไม่แน่นอนระยะสั้น และให้ความสำคัญกับ 4 Maga Force หรือแรงขับเคลื่อนมหาภาคที่มีพลังเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจโลก ได้แก่ Digital Revolution & AI, Future of Finance, Energy Transition และ Demographic Divergence
 
โดยภายใต้กระแสเหล่านี้ โครงสร้างพื้นฐาน( Infrastructure) กลายเป็นสินทรัพย์ที่จำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจ และแกนกลางการลงทุนระยะยาว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพอร์ตลงทุน ไม่ใช่แนวคิดใหม่ เพราะนักลงทุนสถาบันลงทุนมามากกว่า 20 ปีแล้ว เนื่องจากช่วยกระจายความเสี่ยงออกจากสินทรัพย์ดั้งเดิม มีกระแสเงินสดสม่ำเสมอในระยะยาว มีความยืดหยุ่นสูงและรองรับการเติบโตของเมกะเทรนด์ หนึ่งในธีมสำคัญคือ Energy Transition ซึ่งโลกต้องการเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.5 -3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 10 ปีข้างหน้า เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
 
ทั้งนี้ BlackRock มองว่า ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market : EM) เป็นพื้นที่เติบโตโดดเด่นสำหรับการลงทุน Data Center โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และทำเลที่เหมาะสมต่อบริษัทระดับโลก ความต้องการลงทุนใน Data Center ทั่วโลกใน 50 ปีข้างหน้าอาจสูงถึง 95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรัฐบาลลงทุนได้เพียงบางส่วน และยังมีช่องว่างกว่า15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ Private Marketing สามารถเข้ามามีบทบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้มากเท่ากับงบประมาณรวมของสหรัฐฯ จีนและเยอรมนี และการลงทุนใน Data Center ในไทยอาจสร้างผลตอบแทนได้สูงในระยะยาว
 
ขณะที่นายธณาพล อิทธินิธิภัค Head of Thailand Business, BlackRock กล่าวว่า AI ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมในอนาคต แต่คืออนาคตของเศรษฐกิจโลก โดยกระแส AI เติบโตทั้งด้านการลงทุนและผู้ใช้เทคโนโลยี ในด้านการลงทุน ปัจจุบันทั่วโลกมีการลงทุนใน AI มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าใน 3-4 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็น 3-4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 
สำหรับจำนวนผู้ใช้งานเทคโนโลยี ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน AI แบบ Active ประมาณ 380 ล้านคน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่นับรวมการใช้ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ และมองว่า ความสามารถของ Generative AI ยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับศักยภาพของ Agentic AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้หลายรูปแบบ ความต้องการพลังประมวลผลจึงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดย Data Center จะต้องขยายจากระดับเมกะวัตต์ไปสู่ระดับกิกะวัตต์