Phones





CIMBT โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 โต 33.9% แตะระดับ 838 ล.

2025-04-18 17:48:25 60



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – CIMBT ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 838 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รับแรงส่งจากการเติบโตของรายได้ รวมทั้งสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามแผน
 
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 838.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.2% และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 22.1% ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 58.2%
 
ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3,583.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 134.3 ล้านบาท หรือ 15.1% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนและกำไรสุทธิจากการขายเงินลงทุนสุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 62.0 ล้านบาท หรือ 20.7% เกิดจากการลดลงของค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 118.6 ล้านบาท หรือ 5.1% เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน
 
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 485.3 ล้านบาท หรือ 22.1% เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2568 อยู่ที่ 47.6% ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ในระดับ 62.5% อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) อยู่ที่ระดับ 2.0% ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.2% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน
 
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2568 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชีของกลุ่มธนาคาร (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) อยู่ที่ 2.46 แสนล้านบาท ลดลง 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 3.1 แสนล้านบาท ลดลง 4.2% จากสิ้นปี 2567 ซึ่งมีจำนวน 3.24 แสนล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 79.3% จาก 77.6% ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567
 
สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.8% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2567 ที่อยู่ระดับ 2.6% เป็นผลจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแลและการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
 
ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2568 อยู่ที่ 134.3% ลดลงจากสิ้นปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 137.9% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคารมีจำนวน 5.97 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 21.4% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ระดับ 16.7%
 
“ปี 68 เราระมัดระวังในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกและภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตลาด ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ เป้าหมายของธนาคาร คือการผลักดันผลการดำเนินงานหลักและความสามารถในการทำกำไร พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว ภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ของกลุ่มซีไอเอ็มบี นั่นคือ 'Forward30' – Advancing Customer And Society เรามุ่งมั่นในการขับเคลื่อนลูกค้าและสังคมไปข้างหน้า ด้วยแนวทางการทำงานที่ “เรียบง่าย รวดเร็ว และดียิ่งขึ้น” พอล วอง กล่าว