Phones





ส.ธนาคารชะลอขึ้นดอกเบี้ย ประคองกลุ่มเปราะบาง

2022-08-10 22:51:00 239



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – สมาคมธนาคารไทย  พร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง หวังชะลอการขึ้นดอกเบี้ยให้นานที่สุดเท่าที่ความสามารถของแต่ละแบงก์จะทำได้ หวังช่วยประคองกลุ่มเปราะบางให้อยู่รอดท่ามกลางดอกเบี้ยขาขึ้น
 
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องทั้งมาตรการทั่วไป เพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน และ มาตรการเฉพาะ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด โดยในเดือนก.ค. 63 มีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการสูงถึง 6.1 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวม 4.2 ล้านล้านบาท หลังสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น
 
โดยล่าสุด ณ เดือนพ.ค. 65 ลูกค้าภายใต้มาตรการลดลงเหลือ 1.6 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้เกือบ 2 ล้านล้านบาท มีการเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ SME ผ่านสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) จำนวน 3.2 แสนล้านบาท ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของระบบไม่สูงขึ้นมาก และคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มดีขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจน
 
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวเศรษฐกิจในปัจจุบัน เป็นการฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง ในรูปแบบ The New K-shaped Economy และ มีปัจจัยความท้าทายรอบด้าน จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบกับค่าครองชีพและต้นทุนของภาคธุรกิจ อาจทำให้ลูกค้าบางกลุ่มกลับเข้ามาใช้มาตรการอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย และ ธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงผลกระทบของลูกค้าประชาชน พร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ให้แนวทางการปรับนโยบายการเงินของไทยเข้าสู่ภาวะปกติในรูปแบบ Smooth Takeoff โดยนโยบายดอกเบี้ยจะปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้ารายย่อย และ SME โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ
 
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับความเหมาะสมทั้งฝั่งของลูกค้าเงินฝากและเงินกู้ จังหวะ และ ขนาดของการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ไม่ให้เกิดการสะดุดของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการ และ ภาคประชาชน
 
ทั้งนี้ ลูกค้ารายใหญ่มีความยืดหยุ่น สามารถสะท้อนต้นทุนที่เป็นจริงได้ก่อน ส่วนลูกค้ารายย่อย ส่วนใหญ่ได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่ ทั้งสินเชื่อ เช่าซื้อ บัตรเครดิต และ สินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย แม้จะใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว แต่ค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนคงที่ จึงได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่มากนัก
 
อย่างไรก็ตาม ยังมีมาตรการแก้หนี้ระยะยาวผ่าน มาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างตรงจุดให้กับผู้ประกอบธุรกิจและประชาชน เพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสีย มีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปี 66 โดยคาดว่า เป็นช่วงที่เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นชัดเจน มาตรการเพิ่มสภาพคล่องผ่านสินเชื่อฟื้นฟู ดำเนินการจนถึงเดือนเม.ย. 66 ซึ่งแต่ละธนาคารได้จัดทำทางเลือกการให้ความช่วยเหลือลูกค้าแต่ละกลุ่มให้สอดคล้องกับปัญหา และสถานะของแต่ละรายเพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด
 
ขณะที่สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิกจะติดตามสถานการณ์ และ ให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมกับการดูแลคุณภาพสินเชื่อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหน้าผาเอ็นพีแอล (NPLs Cliff) ซึ่งจะกลายเป็นความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจไทย เพราะแม้สถานการณ์ลูกค้าโดยรวมดีขึ้น จากช่วงที่วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรง แต่มีกลุ่มที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ต้องได้รับความช่วยเหลือภายใต้มาตรการจำนวนมาก
 
โดยปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ไทยมีความแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับธนาคารในภูมิภาค ธนาคารพาณิชย์ไทยยังเผชิญความท้าทายในด้านการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับต่ำกว่า และ ฟื้นตัวช้ากว่าในภูมิภาค ดังนั้น การรักษาระดับความแข็งแกร่ง และ สร้างความเชื่อมั่นในระบบธนาคารพาณิชย์จึงมีความสำคัญเพื่อให้ระบบธนาคารสามารถดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่อยู่ระหว่างการปรับตัว ผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนได้ พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของลูกค้า และ เศรษฐกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และ มีประสิทธิภาพ
 
สำหรับภาคธนาคารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจำเป็นต้องอาศัยการขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน โดยภาคการท่องเที่ยวและมาตรการภาครัฐจะเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี การท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหลังยกเลิกมาตรการ Thailand Pass การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี อีกทั้ง ยังมีแรงหนุนกำลังซื้อจากมาตรการภาครัฐและภาคเอกชนช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้
 
ขณะที่การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) อีก 2 ครั้งในปีนี้ยังต้องติดตามว่าจะมีการพิจารณาว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ แต่ปัจจุบันตลาดการเงินได้สะท้อนการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งไปแล้ว โดยเห็นได้จากตลาดพันธบัตรที่ราคาปรับลดลง
 
ในส่วนของผลกระทบหากดอกเบี้ยมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก ภาคธนาคารก็ประเมินว่าจะยังไม่มีผลกระทบที่รุนแรง เนื่องจากธนาคารมีการทดสอบ stress test ไปก่อนหน้านี้ ประกอบกับ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ยังเพียงพอ และ การปรับโครงสร้างหนี้ยังมีความจำเป็น และ จะไม่เหมารวมการช่วยเหลือกับลูกหนี้ทุกกลุ่ม
 
“การฟื้นตัวไม่เหมือนกัน บางธุรกิจจะมีการฟื้นตัวช้า เช่น ภาคท่องเที่ยว ตอนนี้ค่อยฟื้นกลับมา แต่ยังไม่เต็มที่ ก็คาดว่าจะเห็นฟื้นตัวชัดเจนไตรมาส 4/65 หรือ ต้นปีหน้า ตามเศรษฐกิจฟื้นตัวแบบ K-shaped อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ สมาคมธนาคารไทย ปล่อยให้เป็นไปตามความเหมาะสมของการพิจารณาของแต่ละธนาคาร เนื่องจากโครงสร้างงบดุลของแต่ละธนาคารมีความแตกต่างกัน และ ต้นทุนของแต่ละธนาคารมีความแปรผันกับต้นทุนทางการเงินที่ได้รับมาก่อนที่ธนาคารนั้นๆจะมีการปรับเปลี่ยนโยบายดอกเบี้ย ก็จะมีการสำรวจพอร์ตของตนเองว่าเป็นอย่างไรเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ เพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพของแต่ละธนาคารให้เป็นไปตามสภาวะของตลาด” นายผยง กล่าว