Phones





“คลัง”ผนึก“ดีอี”ผลักดัน“ชิม ช้อป ใช้”

2019-12-06 17:53:30 791




นิวส์ คอนเน็คท์ – “คลัง” ร่วมมือ “กระทรวงดีอี” ผลักดันมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” เปิดช่องทาง e-Marketplace ผ่านเว็บไซต์ไปรษณีย์ไทย พร้อมร่วมมือ “ธนาคารกรุงไทย” ขยายช่องทางกรใช้จ่ายในส่วนของ G-Wallet2


เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จับมือเดินหน้าสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส โดยขยายการใช้จ่ายในส่วนของ G-Wallet 2 ให้สามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบเว็บไซต์กลางที่สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ โดยมอบให้ไปรษณีย์ไทยซึ่งมีเว็บไซต์ thailandpostmart.com เป็น e-Marketplace ร่วมกับ KTB พัฒนาระบบการชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เมื่อช้อปสินค้าในเว็บไซต์ thailandpostmart.com พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2


นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของไปรษณีย์ไทยในการเป็นหน่วยงานหลักที่ได้พัฒนาระบบงานร้านค้าออนไลน์ ระบบการชำระเงินค่าสินค้า และระบบการขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสให้ร้านค้าชุมชนด้วยการนำสินค้าจากชุมชนมาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนร้านค้ากว่า 4,000 ราย และมีสินค้าซึ่งเป็นของดีของเด่นจากทั่วประเทศมากกว่า 17,000 รายการ


โดยความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าของวิสาหกิจชุมชน และเพิ่มสิทธิในการช้อปออนไลน์ของผู้ที่ลงทะเบียนในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ด้วย โดยจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชนได้มากถึงปีละกว่า 31 ล้านบาท


ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 62 เห็นชอบมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ปรับปรุงเงื่อนไขให้ใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมขยายระยะเวลาการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 ทั้ง 3 เฟส ถึงวันที่ 31 มกราคม 63 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศประสบปัญหา


นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนนโยบาย e-Payment หรือการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลให้กระจายออกในวงกว้างสู่ผู้ประกอบการในชุมชน เป็นการขยายตลาดและยกระดับให้สินค้าและบริการท้องถิ่นสามารถซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ จึงเล็งเห็นว่าไปรษณีย์ไทยสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ให้เกิดการซื้อขายด้วยระบบ e-Commerce ได้


ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน จนถึงวันที่ 4 ธันวาคม 62 มีผู้ลงทะเบียนที่ได้ใช้สิทธิ์รวมทั้ง 3 เฟส จำนวน 13 ล้านราย มีการใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายจาก G-Wallet 1 จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท สำหรับ G-Wallet 2 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 275,000 ราย มียอดการใช้จ่ายรวม 7.3 พันล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 26,000 บาท โดยยอดใช้จ่ายผ่าน G- Wallet 2 มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีการเพิ่มช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น


นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในการให้บริการดังกล่าวผ่าน G-Wallet เป็นครั้งแรก ประชาชนสามารถซื้อสินค้าผ่าน e-Marketplace ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com ด้วยขั้นตอนง่ายๆ สะดวกและรวดเร็ว เพื่อการบริโภค หรือการสั่งซื้อมาเป็นของที่ระลึกในช่วงเทศกาลอันใกล้นี้ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น ซึ่งการใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทแรก จะได้รับเงินคืน 15% และได้รับเงินคืน 20% เมื่อใช้จ่าย 30,001-50,000 บาท รวมยอด cash back สูงสุด 8,500 บาทต่อราย


ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB กล่าวว่า การร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส ในการสั่งซื้อสินค้าของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านทางเว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผ่าน G-Wallet 2 ถือเป็นการตอบโจทย์ผู้รับสิทธิที่ไม่มีเวลาเดินทาง และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระตุ้นการใช้จ่ายสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 เพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดตามนโยบาย Thailand 4.0