Phones





"อุตตม"มอบแนวทางตลาดทุนสู้โควิด-19

2020-03-11 14:20:19 2258




นิวส์ คอนเน็คท์ - "อุตตม" มอบมาตรการช่วยเหลือตลาดทุนไทย พร้อมกำหนด 2 แนวทางหลักการดูแล-พัฒนาตลาดทุนไทย รับมือพิษไวรัสโควิด-19


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยครั้ง 1/63 ว่า ได้ร่วมกับหลายหน่วยงานพื่อออกมาตรการเพื่อกำกับดูแลตลาดทุนจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ การดูแลตลาดทุนและผู้ประกอบการ และการกำหนดแนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทย


โดยการกำหนดแนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันได้ในระดับสากล และสามารถเชื่มโยงตลาดอื่นๆได้ทั่วโลก โดยจะยกระดับการเข้าถึงตลาดทุนของผู้ประกอบการลงไปถึง Start Up รวมไปถึงให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและเสริมทักษะการบริหารจัดการทางการเงินตั้งแต่ระดับชุมชน และการระดมทุนในระดับชุมชนให้มีความมั่นคงและยั่งยืนตามความเหมาะสม


ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการขับเคลื่อนในการเข้าถึงโดยการใช้โครงข่ายจากธนาคารของภารัฐ อาทิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หรือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยในการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น โดยจะเชื่มโยงโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งในแต่ละหน่วยงานมีโครงการต่างๆ รองรับไว้แล้ว


ส่วนโครงการการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยจะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการต่อเนื่อง โดยการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ และการวางแผนการลงทุนตั้งแต่ขั้นต้น รวมไปถึงการออกโครงการกระดานที่ 3 สำหรับธุรกิจ Start up เพื่อช่วยในการเข้าถึงตลาดทุนมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างโครงข่ายพื้นฐานในการลงทุนในรูปแบบ ดิจิตอล แพลตฟอร์ม ในการส่งผ่านข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการในช่วงไตรมาส 1/64


นอกจากนี้ จะมีการนำระบบดิจิตอลมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์) ให้นักลงทุนรายย่อยและประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น อีกทั้งจะมีปรับราคาการซื้อพันธบัตรรัฐบาลขั้นต่ำอยู่ที่ 50-100 บาท/หน่วย จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1,000 บาท/หน่วย ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงไตรมาส 3-4/63 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้วงเงินในโครงการดังกล่าวประมาณ 5,000 ล้านบาท


ด้านนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า เพื่อรองรับกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีมติเห็นชอบเรื่องมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ให้ประชาชนทั่วไปหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยแยกจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน SSF กรณีปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด โดยต้องซื้อระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย.63 และถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี


ทั้งนี้ ก.ล.ต คาดจะสามารถออกหลักเกณฑ์รองรับการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ให้แล้วเสร็จได้ในวันที่ 16 มี.ค.63 และจัดตั้งกองทุนและเสนอขายได้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดตั้ง และการจดทะเบียนกองทุนให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และพิจารณาอนุมัติการจัดตั้งกองทุน SSF แบบอัตโนมัติ (auto-approval)


ส่วนแนวทางการส่งเสริมการลงทุน ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีการผลักดันให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางในการออกหลักทรัพย์ โดยเฉพาะตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) ซึ่งเป็นการร่วมมือกับประเทศลักเซมเบิร์ก เพื่อออกหลักทรัพย์เพื่อการระดมทุนที่มุ่งเน้นในสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย (Green Bond) ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการลงทุนอย่างมากในส่วนของนักลงทุนกองทุนระหว่างประเทศ


สำหรับที่ผ่านมาในประเทศไทยมีบริษัทออกตราสารหนี้สีเขียวไปแล้วจำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท และยังอยู่ในกำหนดการอีกจำนวนหลายราย โดยส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจ


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews