Phones





FETCO คาดดัชนีเชื่อมั่น3เดือนหน้าวูบ9%

2020-11-05 16:18:09 374




นิวส์ คอนเน็คท์ - FETCO คาดดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนหน้าลดลง 9% หลังเศรษฐกิจ-การเมืองในประเทศไม่นิ่ง ชี้ดัชนีหุ้นไทยปีหน้าอยู่แดนบวก หลังนักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจโลกฟื้น-กำไร บจ.โต 30-40%


เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) เดือนตุลาคม 2563 พบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีอยู่ที่ 61.27 (ช่วงค่าดัชนี 40 – 79) ปรับตัวลดลง 9% จากเดือนก่อนหน้า และยังคงอยู่ในเกณฑ์ซบเซาต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ  และการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงความกังวลต่อการระบาดระลอกสองของ Covid-19 ทั้งนี้ นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐและการไหลเข้าออกของเงินทุน


ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ทิศทางเศรษฐกิจหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การเจรจาการค้าระหว่าง UK และ EU เพื่อหาข้อตกลงก่อนที่จะจบ Transition period ในปลายปีนี้  รวมถึงปัจจัยในประเทศได้แก่ ความยืดเยื้อของการชุมนุมทางการเมือง และการประกาศผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทจดทะเบียน


ทั้งนี้ ประเมินแน้วโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 64 มองว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการคาดการของนักวิเคราะห์ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากการเลือกตั้งของประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงการปรับประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในทิศทางบวก หรือมีอัตราการเติบโตของกำไรอยู่ที่ 30-40% เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้สถานการณ์การชุมนุมเริ่มเบาลง


สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และอายุ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 4 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 63 เนื่องจากการคาดการณ์ว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป แต่ต้องติดตามปัจจัยความไม่แน่นอนจากต่างประเทศในประเด็นผลการเลือกตั้งสหรัฐ  BREXIT และสถานการณ์ COVID ที่อาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนผันผวนได้


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews