นิวส์ คอนเน็คท์ - KBANK เตรียมปรับลดประมาณการณ์จีดีพีปี 64 หลังการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า รับผลจากการเข้าสู่ช่วงการจ่ายปันผล คาดสัปดาห์นี้มีเงินไหลออกกว่า 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมปรับลดประมาณการตัวเลขจีดีพีของไทยในปี 64 ลงอีกครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ระดับ 1.8% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดรอบที่ 3 และภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือ การกระจายวัคซีน ซึ่งถ้าการฉีดวัคซีนในปี 64 ทำได้ 100 ล้านโดส จะทำให้ตัวเลขจีดีพีเติบโต 2% และขยายตัว 4.7% ในปี 65 แต่ถ้าในปีนี้สามารถฉีดวัคซีนได้ 64.6 ล้านโดสจะทำให้จีดีพีเติบโต 1.5% และขยายตัว 2.8% ในปี 65 อย่างไรก็ตาม ถ้าในปีนี้มีการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 64.6 ล้านโดส จะทำให้ตัวเลขจีดีพีปี 64 เติบโตเพียง 1% และขยายตัวเพียง 1.1% .ในปี 65 

ขณะที่นักลงทุนยังต้องติดตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ก่อนหน้านี้ส่งเสริมให้ผู้ส่งออกฝากเงินไว้กับบัญชีต่างประเทศ หรือ เอฟซีดี ซึ่งในเดือนธ.ค.63 มีผู้ส่งออกฝากเงินเอฟซีดีถึง 1.8-1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สภาพคล่องของผู้ประกอบธุรกิจเริ่มลดลง ส่งผลให้ต้องนำเงินฝากในต่างประเทศที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ แลกกลับมาเป็นเงินบาทเพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการ ส่งผลให้เงินบาทเริ่มปรับตัวแข็งค่าบ้างเป็นบางช่วง

โดยค่าเงินบาทในเดือน พ.ค.นี้ คาดว่าจะอ่อนค่าอยู่ที่ 31.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากในช่วงเดือนเม.ย. และ พ.ค. เป็นช่วงการจ่ายปันผล โดยสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีเงินไหลออกประมาณ 18,000-19,000 ล้านบาท และในสัปดาห์หน้าอีกประมาณ 6,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในสิ้นปีนี้ยังมองว่าเงินบาทจะยังคงแข็งค่าในระดับที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 29.75-29.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ.