Phones





TOA เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero

2024-05-08 18:50:26 71



นิวส์ คอนเน็คท์ - TOA แถลงนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero เสริมแกร่งด้วย ฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีทาอาคาร ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง..เติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ถือเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อโลกและมนุษยชาติ ซึ่งจากมติที่ประชุม COP28 เมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ยังคงย้ำชัดถึงข้อตกลงที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากรายงานของปีนี้ระบุว่า ช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงสูงกว่าปีที่แล้ว 1.2% ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์
 
TOA ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1977 รวมทั้งการไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสีที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
 
"เราจึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของโลกในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Action) โดยการประกาศนโยบาย GREEN MISSION เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG ทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. Environment การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด 2. Social ความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชนและสังคม 3. Governance การกำกับดูแลองค์กรให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย" 
ด้าน ดร.ภาณุพงศ์ ภูทะวัง ผู้จัดการอาวุโส สายงานกลยุทธ์องค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน TOA เผยว่า TOA ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัทให้ได้ 50% ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นมากกว่า 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) พร้อมตั้งเป้าหมายในการสร้างสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTonCO2e) ภายในปี 2042 

โดยการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการในทุกกระบวนการของ TOA Circular Economy ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดของเสียเป็นศูนย์ ด้วยการดำเนินงาน 7 กลยุทธ์หลัก หรือ 7-Green คือ Green Production – Green Energy – Green Value Chain – Green Partner – Green Reforestation – Greenovation – Green Certified & The Carbon Footprint Reduction or Global Warming Reduction Label 

นอกจากนี้ TOA ได้ผ่านการรับรองฉลากคาร์บอนและฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในกลุ่มสีทาอาคารและแผ่นยิปซัมมากถึง 320 ผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมตลาดสีทาอาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเรือธงอย่าง SuperShield, TOA Organic Care, TOA Shield-1 Nano, 4SEASONS, SUPER MATEX, Expert series (Shield, Pro, Flex) และ TOA 7in1 อีกทั้ง TOA มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทุกมิติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 
โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองเครื่องหมายฉลากลดโลกร้อน สะท้อนถึงความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้า จนสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริงตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้น ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง กระบวนการผลิต การใช้งาน และการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังใช้ โดยมีรูปแบบสำหรับการประเมิน ประกอบด้วย การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบัน การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีฐาน (Base Year) การเปรียบเทียบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบันกับปีฐาน แล้วพบว่าค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 และนำผลการเปรียบเทียบพิจารณาตามเกณฑ์การประเมิน เพื่อขึ้นทะเบียนเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์