Phones





TIDLOR โชว์ผลงานปี 67 กำไรพุ่งทำนิวไฮแตะ 4.2 พันลบ.

2025-02-11 20:12:52 93



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - TIDLOR ประกาศผลงานปี 67 กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 4,230 ล้านบาท โต 11.6% รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ที่ทำได้ 22,160 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 103,933.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% รวมทั้งยังมีเบี้ยประกันวินาศภัยรวมมูลค่า 10,176.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4%
 
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2567 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ที่ 4,230.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% จากปีก่อนหน้า เนื่องมาจากการเติบโตของรายได้จากการขยายตัวของทั้งธุรกิจสินเชื่อ การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ รวมถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจนายหน้าประกัน โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 22,160.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% ซึ่งรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับ และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ
 
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง อยู่ที่ 103,933.7 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.6% และควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดี โดย NPL ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.81% นอกจากนี้บริษัทยังมีเบี้ยประกันวินาศภัยรวมมูลค่า 10,176.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% ซึ่งเป็นผลมาจากการผสมผสานการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
 
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,044.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อน โดยการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนส่วนใหญ่มาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต ที่ปรับลดลง 30.2% รวมถึงรายได้รวมที่เติบโตขึ้นจากการกลับมาขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ หลังจากที่ชะลอตัวในไตรมาสก่อนหน้า และเบี้ยประกันวินาศภัยที่เติบโตในระดับสูงที่ 23.8%
 
ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,778 แห่ง และยังคงให้ความสำคัญกับการใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีที่สร้างและพัฒนามามากกว่า 10 ปี ทั้งด้านสินเชื่อ โดยมี “บัตรติดล้อ” ข้อมูล ณ เดือน ธ.ค. 67 ได้ส่งมอบบัตรติดล้อให้กับลูกค้าแล้วมากกว่า 735,000 ใบ เพิ่มขึ้น 14% และยังมีบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ” ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ามีการเบิกวงเงินสินเชื่อผ่านบริการดังกล่าวสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับช่องอื่นๆ สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ และการยกระดับบริการทางการเงิน ด้วยเป้าหมายเพื่อช่วยลูกค้าลดต้นทุนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเงินทุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินได้สะดวกยิ่งขึ้น
 
ด้านธุรกิจนายหน้าประกัน ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านนายหน้าประกัน (InsurTech Platform) ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าถึงได้และครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ได้แก่ 1.แบรนด์ประกันติดโล่ (Shield Insurance) ผู้นำธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face พร้อมให้คำแนะนำและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิด จากพนักงานมืออาชีพมากกว่า 5,000 คน ภายในสาขาเงินติดล้อ ทั่วประเทศ พร้อมบริการ Call Canter 1501 ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง 2.แบรนด์อารีเกเตอร์ (Areegator) แพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ผ่านสมาชิกตัวแทนนายหน้าประกัน ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 10,000 คน และ 3.แบรนด์เฮ้กู๊ดดี้ (heygoody.com) แพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัล ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และ heygoody.com ยังถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดให้กับภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทได้เป็นอย่างดี
 
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทยังคงขับเคลื่อนโดยคณะผู้บริหารมืออาชีพ ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ โดยยังคงให้ความสำคัญกับการเฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมปรับกลยุทธ์และแผนต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างการเติบโตให้กับภาพรวมการดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ตามหลักธรรมาภิบาล
 
นอกจากนี้ บริษัทยังคงยึดมั่นแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ผ่านการให้บริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ เป็นธรรม และโปร่งใส ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ คือการส่งเสริมให้ลูกค้าและประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน โดยจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาบริษัทช่วยสร้างเครดิตทางการเงินให้ลูกค้ามากกว่า 362,000 ราย ส่งเสริมให้คนไทยสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้มากกว่า 999,000 ราย และยังสานต่อโครงการเพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้แก่ผู้คนในชุมชน หน่วยงานภายนอก และนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมรวมมากกว่า 780 คน นอกจากนี้ยังตระหนักถึงความสำคัญด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจและบริการ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
 
ในส่วนของความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัท สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้อนุมัติคําขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่พร้อมกับการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์เดิมของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ แล้ว และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้รับอนุญาตในการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จากหน่วยงานที่กำกับดูแลแล้ว โดยปัจจุบัน ติดล้อ โฮลดิ้งส์ อยู่ระหว่างกระบวนการให้แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ ซึ่งคาดว่ากระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) จะเกิดขึ้นภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com