Phones





RBF ยอดขาย ตปท.พุ่ง หนุน 9 เดือน กำไรสุทธิ 303 ล.

2025-11-19 16:45:16 83



นิวส์ คอนเน็คท์ - RBF รายได้ Q3/68 แตะ 1,078 ล้านบาท ยอดขายต่างประเทศพุ่ง หนุนผลงาน 9 เดือนแรก มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 3,192.10 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 303.89 ล้านบาท มั่นใจไตรมาส 4 โตต่อ เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 35-40%
 
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 พ.ท.พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท และ นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบและส่วนผสมอาหารชั้นนำ ร่วมเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2568 

โดยนายสุรนาถเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,078.26 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101.29 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวมาจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ซึ่ง RBF ได้วางฐานการผลิตไว้ในประเทศเหล่านี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อความต้องการของตลาด

แม้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากภาวะต้นทุนบางรายการที่ผันผวน แต่โดยรวมรายได้ยังเติบโตแข็งแกร่งจากทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ซึ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 11.54 ล้านบาท หรือ 66.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาขายไป เพิ่มขึ้น 4.90 ล้านบาท หรือ 4.71% และ กลุ่มผลิตภัณฑ์แป้งและซอส เพิ่มขึ้น 8.66 ล้านบาท หรือ 1.57% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนถึงความแข็งแรงของรายได้ที่มาจากหลายกลุ่มธุรกิจ ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

ส่วน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 3,192.10 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการดำเนินงานภายในประเทศ 2,475.21 ล้านบาท และรายได้จากการส่งออกต่างประเทศ 716.89 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 303.89 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งแม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน และยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดว่ากำไรจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของยอดขายในตลาดต่างประเทศ และมาตรการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบบางส่วนเริ่มผ่อนคลาย โดยเฉพาะราคาข้าวสาลีที่ปรับลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นในระยะถัดไป

ด้าน พ.ท.พญ.จัณจิดา กล่าวว่า กลยุทธ์การเติบโตระยะยาว บริษัทจะเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย เป็นตลาดหลัก พร้อมขยายสู่ปากีสถานและจีน ผ่านพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายในแต่ละประเทศ ควบคู่กับการทำตลาดโดยตรง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านยอดขายและการรับรู้แบรนด์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดีย ถูกมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีศักยภาพสูงสุด โดยมั่นใจว่าการลงทุนและการทุ่มเททรัพยากรในอินเดีย รวมถึงการทำตลาดเชิงรุกในเวียดนามและอินโดนีเซีย จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายในปริมาณที่สูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

“เชื่อมั่นในศักยภาพ ความรู้ และประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าไทยในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโต โดยคาดว่าภาพรวมปี 2569 รายได้จะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการดำเนินงานในต่างประเทศเป็นหัวใจสำคัญ โดยบริษัท ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ จากปัจจุบัน 30% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 35-40% และต่อยอดสู่ความยั่งยืนในอนาคต" พ.ท.พญ. จัณจิดา กล่าว