Phones





KTX เตือนเพิ่มความระวังลงทุน ลดเป้า SET เหลือ 1,116 จุด

2025-07-18 11:06:34 78



นิวส์ คอนเน็คท์ - KTX เตือนเพิ่มความระวัง ไตรมาส 3 พายุเศรษฐกิจพัดแรง ลงทุนเสี่ยงสูง ลดเป้า SET เหลือ 1,116 จุด แนะเก็บหุ้นปันผล สะสมทองคำเพิ่มเซฟโซน 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX เปิดเผยว่า ท่ามกลางความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากพายุเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ การลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2568 ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผชิญความท้าทายจากปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มสูง และแรงกดดันจากภาระดอกเบี้ยสูง แต่ไม่สามารถลดดอกเบี้ยลงได้เร็วตามต้องการ เนื่องจากกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตแบบชะลอลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนลงมากถึง 10% นับจากต้นปี 2025 กระทบต่อผลตอบแทนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มโยกการลงทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำ และสกุลเงินปลอดภัย เช่น เยน, ฟรังก์สวิส รวมถึงสกุลเงินบาท ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยของภูมิภาค

ส่วนตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนและเปราะบาง จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความเสี่ยงทางการเมือง โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจกดดันกำไรบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี2568 เป็นต้นไป รวมถึงความเสี่ยงเฉพาะตัวที่อาจเพิ่มขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ KTX จึงปรับลดเป้าหมาย SET มาอยู่ที่ 1,116 จุด ซึ่งทางเทคนิคดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในนัยของการปรับขึ้นมากกว่า มีแนวต้านเป้าหมายบริเวณ 1,140-1,150 จุด หากผ่านจุดนี้ได้จะเปิดทางขยับขึ้นไปยัง 1,200 จุดอีกครั้ง โดยมีประเด็นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ เป็นปัจจัยชี้นำทิศทางของดัชนี 

“แนะนำลงทุนแบบ Selective ในหุ้นราคาไม่แพง หนี้สินต่ำ และจ่ายปันผลสูง ที่รองรับความผันผวนได้ดี อาทิ TFG, SYNEX, KBANK, ADVANC, GULF โดยกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มโดดเด่นจากความหวังเรื่องจ่ายเงินปันผล เราเลือก KBANK, SCB, BBL และ KTB ตามด้วยหุ้นพลังงานอย่าง GULF ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับหลังราคาปรับตัวลงมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่สามารถคาดหวังแนวโน้มผลประกอบการเติบโต เช่น TFG ในกลุ่มอาหาร และกลุ่ม ICT ได้แก่ ADVANC, TRUE, SYNEX” 

นอกจากนี้ KTX แนะนำให้สะสมทองคำ (Gold Online Futures – GOU25) ในพอร์ตด้วย โดยประเมินเป้าหมายราคาทองคำระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 3,936 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยโอกาสอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯ ยุโรป และกลุ่ม BRICS รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของความต้องการทองคำ เห็นได้จากการเร่งเพิ่มถือครองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก สอดรับกับมุมมองทางเทคนิคที่ราคาทองคำมีโอกาสลุ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์