Phones





GBS ชี้เป้าหุ้นเด้งรับ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”

2025-07-16 16:13:00 94



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - บล. โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยผันผวนต่อเนื่อง จากแรงกดดันความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐ หลัง ทรัมป์ ประกาศรีดภาษี 30% จากการนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป-เม็กซิโก มีผลบังคับ 1 ส.ค.นี้ จึงให้กรอบดัชนี 1,150-1,190 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง
 
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และเม็กซิโก ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
 
ด้านประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เตือนว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บภาษี 30% สินค้าที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมประกาศว่า EU จะตอบโต้ด้วยมาตรการที่เหมาะสมหากจำเป็น ส่วนผู้นำบราซิลตอบโต้คำขู่ของ ทรัมป์ ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบราซิล 50% โดยระบุว่า บราซิลสามารถอยู่รอดได้หากไม่มีการค้ากับสหรัฐฯ และจะมองหาคู่ค้ารายใหม่หากจำเป็น ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,150-1,190 จุด
 
ขณะที่ปัจจัยในประเทศทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะธุรกิจ SME ของไทยซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 35% ของ GDP กำลังเผชิญหลายปัจจัยกดดัน อาทิ สงครามการค้ารอบใหม่ และการแข่งขันกับสินค้านำเข้า ท่ามกลางตลาดในประเทศที่เติบโตต่ำส่งผลให้ยังเสี่ยงขาดทุนหรือปิดตัว ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลมากกว่าคะแนนเสียงฝ่ายค้านไม่มากนัก
 
นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ วันที่ 16 ก.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 15 – 21 ก.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการครึ่งปี 2568, สัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์, กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 16 ก.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, เช้าวันที่ 17 ก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book, วันที่ 17 ก.ค. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., วันที่ 29–30 ก.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
 

ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งหลังจากเปิดระบบลงทะเบียนใหม่อีกครั้งตั้งแต่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้แก่ AWC, MINT, ERW, CENTEL และ SHR
 
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังประธานิบดี ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ โดยเริ่มมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 17-18 มิ.ย. ชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
 
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงเปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าได้เจรจาการค้ากับสหรัฐ อีกทั้งสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังอิสราเอลพร้อมทำข้อตกลงหยุดยิงถาวรในฉนวนกาซา เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้จำกัด โดยสัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด จึงมองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,310 – 3,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หากไม่ผ่านแนวต้านให้ชะลอการลงทุน