Phones





NDR เพิ่มทุน PP สำเร็จตามแผน ลุยตลาดอิเล็กทรอนิกส์

2024-10-16 18:24:23 162



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - NDR เผย เพิ่มทุนขาย PP จำนวน 110 ล้านหุ้นให้กับ ‘EG’ ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซียเรียบร้อย เดินหน้าลุยตลาดอิเล็กทรอนิกส์ Testing Center อุปกรณ์ระบบ 5G ชี้ตลาดฯมีศักยภาพเติบโตสูง ตามเทรนด์เทคโนโลยี พร้อมจัดตั้งบริษัทย่อย “เอ็กซ์โทรนิค” ส่งซิกสัญญาณสดใส เริ่มมีออเดอร์ไหลเข้า คาดบ.ย่อย เริ่มสร้างรายได้ในปี 68
 
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 110 ล้านหุ้นให้กับบริษัท EG Industries Berhad หรือ EG ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย EG เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจโดยมีรายได้มาจากการเข้าลงทุนธุรกิจและบริการเกี่ยวกับอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์
 
สำหรับแผนธุรกิจหลังจากมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามานั้น บริษัทได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็กซ์โทรนิค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยทำหน้าที่เป็น Testing Center สำหรับอุปกรณ์ระบบ 5G ปัจจุบันบริษัทย่อยเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต
 
ทั้งนี้ ปัจจุบันโลกอยู่ในช่วงยุคแห่งเทคโนโลยี ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และจากการที่บริษัทมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง คือ EG Industries Berhad (EG) เป็น ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ติดอันดับ Top 3 ในประเทศมาเลเซียและมีรายได้จากกลุ่ม 5G ทั้งในประเทศและการส่งออก จะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของบริษัทได้อย่างยั่งยืน
 
“บริษัทย่อยแห่งใหม่นี้จะตรวจสอบและทดสอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับระบบเครือข่าย 5G และอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตไร้สาย เพื่อเจาะตลาด 5G ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และกระจายธุรกิจไปสู่พื้นที่การเติบโตที่สำคัญในอนาคต” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
 
ขณะที่กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ โดยบริษัทมีแผนการขยายพอร์ตสินค้า High Margin มากขึ้น และให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงให้มีสัดส่วนมากขึ้น โดยคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2567 จะสามารถพลิกฟื้นกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ โดยวางเป้ารายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท